เป็นหนึ่งในเวิร์คกิ้งมัม “ไมร่า รามณรงค์” ที่ได้นำความรู้สึกของคนเป็นแม่มาเป็นแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจ สร้างฝันของตนเองให้เป็นจริง ด้วยการทำธุรกิจแฟชั่นเสื้อเด็กที่ตอบโจทย์ความ ต้องการของผู้เป็นแม่ที่ชอบแต่งตัวให้ลูกสาว

ไมร่า รามณรงค์ คุณแม่ลูกสองที่ทำหน้าที่แม่อย่างเต็มเวลา เล่าถึงงานชิ้นใหม่ที่ตั้งใจทำเต็มที่ว่า เมื่อก่อนทำงานประจำพอแต่งงานมีลูกสาว 2 คน แล้วชอบแต่งตัวให้ลูก จับลูกมาถ่ายรูป เลยสนใจที่อยากจะทำเสื้อผ้าเด็ก โดยเฉพาะเสื้อผ้าชุดงานสม็อคงานฝีมือยิ่งมาได้เห็นเจ้าหญิงชาร์ลอตของอังกฤษ ใส่เลยเริ่มสนใจแล้วสั่งซื้อจากต่างประเทศ แต่บางครั้งชุดที่ซื้อมาได้ผ้าที่ไม่ถูกใจ ลูกๆไม่ชอบใส่เพราะระคายเคือง เลยสนใจที่อยากจะทำเอง ลงทุนซื้อเครื่องจักรเย็บสม็อคมาจากอังกฤษ เลยรู้ว่าทำยากมาก กว่าจะเสร็จออกมาแต่ละตัวต้องใช้เวลามาก แล้วถ้าเราจะขายเป็นพรีออร์เดอร์แค่ 4-5 ตัว ไม่คุ้มค่าเสียเวลา เลยพับโปรเจกต์นี้ไป จนกระทั่งได้มาคุยกับ “สายชล บรรยงคะรัติ” เพื่อนสาวสมัยที่เป็นแอร์โฮสเตลมาด้วยกัน ซึ่งก็มีลูกสาวและชอบแต่งตัวให้ลูกเหมือนกัน เลยได้เปิดโปรเจกต์การทำธุรกิจนี้ขึ้นมาใหม่

...

“เราเริ่มกัน 2 คน ทำกันเองทุกอย่างยกเว้นการตัดชุด และปัก เราทำเรื่องการวางแบบ เลือกผ้า เลือกลาย ทุกอย่างทำเองหมด วางแพลนว่าจะจำหน่ายช่องทางไหน เสื้อผ้าเรามีตั้งแต่อายุ 6 เดือนจนไปถึงประมาณ 5 ขวบ แต่ว่าไซส์เราจะทำเผื่อไว้แล้ว เช่น ถ้าอายุ 2 ขวบก็ซื้อ 2 ขวบได้เลย ไม่ต้องซื้อเผื่อ ตอนนี้เปิดใน my shop ภายใต้ชื่อแบรนด์ Charlotte Penderie ซึ่งจะมีทั้งใน IG, facebook และเปิดจำหน่ายทาง Line โดยเราเพิ่งวางจำหน่ายคอลเลกชันแรกเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งได้การตอบรับดีมาก ทุกคนชมเราแล้วว่าเสื้อผ้าสวยจังเลย คอล เลกชันต่อๆไปจะต้องไม่ทำให้แม่ๆ ผิดหวัง เราจะต้องทำให้มันดีขึ้น”

เวิร์คกิ้งมัมคนนี้เล่าต่อว่า ตั้งใจทำแบรนด์ให้แตกต่างจากคนอื่น ซึ่งงานฝีมือควบคุมยาก และต้องใช้เวลาการผลิต ส่วนใหญ่จะเป็นพรีออร์เดอร์ แต่ของเราจะสร้างความแตกต่าง เราจะผลิตให้มีพร้อมส่ง และพยายามคิดลวดลายและแบบใหม่ๆ เพราะเสื้อผ้าสม็อค ส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบค่อนข้างจะวินเทจ เราปรับให้มันสมัยใหม่ให้ดูน่ารัก เด็กๆ สามารถใส่ออกไปเดินถนนได้

“การทำธุรกิจยุคนี้ จะมองว่ายากก็ยาก เพราะการแข่งขันสูง เราเลยต้องสร้างความแตกต่าง ด้วยความที่ตลาดชุดสม็อคในเมืองไทยมันไม่ค่อยกว้าง เพราะมันทำยาก ต้องมีทีมช่างที่เก่งและผลิตออกมาพร้อมส่ง ร่าคิดว่าอันนี้เป็นสิ่งที่ท้าทาย เวลาทำงาน ร่าจะลุยและจริงจัง แต่เราจะรับฟังกัน ในการทำงาน เราจะไม่ได้ขายในสิ่งที่เราชอบเท่านั้น เราจะทำงานขายสิ่งที่ตลาดชอบด้วย นอกจากนี้เราเอาใจของคนเป็นแม่ใส่ในการทำงานด้วย เช่น ถ้าฉันได้ชุดนี้ ฉันโอเคไหม คุณภาพดีไหม ถ้าฉันไม่โอเค ฉันก็ไม่ขาย ซึ่งต่อไปเราจะขยายสู่ไลน์กระเป๋า รองเท้า ในหมวดเด็กต่อ อนาคตก็วางธุรกิจที่จะไปปักหมุดขายในต่างประเทศด้วย เพราะเรามั่นใจในคุณภาพว่าเราสู้เขาได้ค่ะ”....ความตั้งใจในการทำงานของเวิร์คกิ้งมัมคนนี้.