อาจจะดูสวนกระแสกับผู้คนบนโลก On Line ที่พากันตั้งปณิธานชีวิต (New Year resolution) กันในปีใหม่ เมื่อ ดร.โซฟี ลาซารัส นักจิตวิทยาประจำศูนย์การแพทย์เว็กซ์เนอร์ มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตต สหรัฐอเมริกา ออกมาระบุว่า เราทุกคนอาจปรับตัวรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงผกผันเนื่องจากโรคระบาดได้ดีกว่าเดิม รวมทั้งมีสภาพจิตใจที่ผ่อนคลายแช่มชื่นขึ้น หากไม่ต้องกังวลหรือพยายามยึดมั่นตามปณิธานปีใหม่ที่ตั้งเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นความตั้งใจเรื่องการรักษาสุขภาพ ลดน้ำหนัก เลิกทำนิสัยที่ไม่ดีบางอย่าง หรือการไขว่คว้าหาความสำเร็จในด้านต่างๆ

เธอบอกว่าอาจมีประโยชน์กว่า หากเราหันมาทบทวนสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในชีวิตของเราจริงๆ แทนการตั้งปณิธานปีใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรพิจารณาถึงสิ่งที่เราถูกจำกัดหรือต้องเสียสละไปในช่วงสองปีที่ผ่านมา เพื่อที่จะไตร่ตรองว่าอะไรคือสิ่งที่ควรเปลี่ยนและต้องปรับปรุงอย่างแท้จริงในตอนนี้ หากใคร่ครวญแล้ว พบว่ามีบางเรื่องที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง และอยากจะตั้งปณิธานปีใหม่ขึ้นมาจริงๆ ให้ลองประเมินอีกครั้งว่ามันมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติแค่ไหน สมเหตุสมผลหรือไม่

...

ลาซารัสย้ำว่า ไม่ใช่เพราะการตั้งปณิธานเป็นเรื่องไม่ดี แต่เพราะไม่ต้องการให้คุณสิ้นหวังหมดกำลังใจไปยิ่งกว่าเดิม หากไม่สามารถทำปณิธานปีใหม่ที่ยากเกินกำลังให้สำเร็จได้

“สิ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์และทำได้จริงก็คือ การมีสติ ตระหนักรู้อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด การรับรู้ถึงสิ่งที่ตนเองกำลังกระทำอยู่อย่างสม่ำเสมอและรับรู้ว่ามันส่งผลต่อชีวิตอย่างไรบ้าง จะช่วยให้เกิดการปรับเปลี่ยนโดยอัตโนมัติ และบรรลุถึงเป้าหมายที่สำคัญกับตนเองอย่างแท้จริงได้ โดยไม่ต้องตั้งเป็นปณิธานเอาไว้ก่อน” นักจิตวิทยาชาวอเมริกันบอก

สุดท้ายเธอให้ข้อคิดว่า การมีเมตตาและอ่อนโยนมากขึ้นอีกสักนิดอาจดีกว่าการตั้งปณิธานแบบที่ทำไปตามๆกัน โดยไม่เปลี่ยนแปลงอะไร สำคัญที่สุด คือ อย่ามุ่งมั่นกับสิ่งที่ตัวเองตั้งปณิธานจนกลายเป็นการเพิ่มพูนความเครียดให้กับตัวเอง

ทางสายกลางคือทางที่ดีที่สุด ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อน เกินไป แค่นี้ชีวิตก็น่าจะดีขึ้น แบบที่อาจจะไม่สุขมากมาย แต่ทุกข์น้อยลงแน่นอน.