เวลาไปซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้า หรือร้านสะดวกซื้อต่างๆ เรามักจะเห็น "บาร์โค้ด" ที่มีลักษณะเป็นแท่งสีดำ ความหนา-บาง ไม่เท่ากัน ติดอยู่บนผลิตภัณฑ์ รู้หรือไม่ว่าบาร์โค้ดเหล่านี้ สามารถบอกข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับสินค้าได้ บาร์โค้ดคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร ไทยรัฐออนไลน์นำสาระความรู้มาฝากกัน 

ทำความรู้จัก "บาร์โค้ด" คืออะไร?

บาร์โค้ด (ภาษาอังกฤษ : Barcode) หรือ "รหัสแท่ง" ประกอบด้วยเส้นสีดำเล็กๆ วางเป็นแนวดิ่งเรียงต่อกัน โดยมีตัวเลขหรือตัวอักษรกำกับไว้ด้านล่าง สามารถใช้เครื่องอ่านบาร์โค้ด (Barcode Scanner) เพื่ออ่านรหัสข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์อย่างสะดวกรวดเร็ว ลดความผิดพลาดของการพิมพ์ข้อมูล

บาร์โค้ด ถูกนำมาใช้ในครั้งแรกในวงการอุตสาหกรรมของประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1950 ก่อนจะนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศต่างๆ ทั่วโลก สำหรับบาร์โค้ดที่เราคุ้นเคยกันดี มักจะเป็นรูปแบบ "บาร์โค้ด 1 มิติ" ที่มีแท่งสีดำและขาวสลับกัน

ในปัจจุบันมีการพัฒนาบาร์โค้ดไปสู่รูปแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน รวมถึงให้ครอบคลุมสินค้าและบริการต่างๆ โดยคิวอาร์โค้ด (QR Code) ที่เรารู้จักกันดี ก็ถือเป็นบาร์โค้ดรูปแบบหนึ่งนั่นเอง

...

ความหมายของบาร์โค้ด 13 หลัก

สัญลักษณ์บาร์โค้ดสินค้าในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะนิยมใช้แบบ "Barcode EAN-13" ซึ่งประกอบด้วยเส้นสีดำ และชุดตัวเลขบาร์โค้ด 13 หลักที่ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว โดยตัวเลขเหล่านี้มีความหมายซ่อนอยู่ เพราะสามารถใช้บอกรายละเอียดข้อมูลของสินค้าได้ ดังนี้

ตัวเลขหลักที่ 1-3 คือ รหัสประเทศที่ผลิตสินค้า ยกตัวอย่าง ไทย รหัส 885, สิงคโปร์ รหัส 888 และ จีน รหัส 690-692 เป็นต้น

ตัวเลขหลักที่ 4-7 คือ รหัสโรงงานที่ผลิต 

ตัวเลขหลักที่ 8-12 คือ รหัสของสินค้า

ตัวเลขหลักที่ 13 คือ รหัสตรวจสอบความถูกต้องของตัวเลขก่อนหน้านี้ทั้ง 12 ตัว

ประโยชน์ของบาร์โค้ด

  • ช่วยลดขั้นตอนในการคีย์ข้อมูล, ชำระเงิน, ซื้อ-ขาย สินค้าและบริการต่างๆ ทำให้การเข้าถึงธุรกรรมต่างๆ มีความสะดวกสบาย และประหยัดเวลามากขึ้น
  • ลดความผิดพลาดของมนุษย์ เพราะบางครั้งอาจมีความสับสน หรือสื่อสารผิดพลาด เมื่อต้องใช้ข้อมูลตัวเลข หรือข้อมูลที่มีรายละเอียดเยอะๆ
  • สามารถนำไปใช้จัดระบบสินค้าและบริการผ่านระบบคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการระบุราคา รายละเอียด จำนวนสินค้าคงเหลือในคลัง เป็นต้น
  • เสริมสร้างภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือให้สินค้าและบริการมีความเป็นมาตรฐานสากล สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาและการผลิตได้ชัดเจน

ปัจจุบันมีการนำบาร์โค้ดมาใช้ในหลากหลายธุรกิจ รวมถึงการทำธุรกรรมออนไลน์ผ่านระบบ Payment ต่างๆ นอกจากช่วยให้ชีวิตคนยุคใหม่สะดวกสบายขึ้นแล้ว หากเรามีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับความหมายของตัวเลขบาร์โค้ดทั้ง 13 หลัก ก็จะช่วยให้สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาและความน่าเชื่อถือของสินค้าได้อีกด้วย.

ที่มา : www.banjan.ac.th