เมื่อการทำธุรกิจและการตลาดต้องเป็นของคู่กัน แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่ดี การบริการที่ประทับใจก็มีส่วนทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ หัวใจที่สำคัญของการเพิ่มยอดขาย นั่นคือ “การตลาด” เพราะไม่ว่าผลิตภัณฑ์ หรือสินค้า จะดีสักแค่ไหน แต่ถ้าทำการตลาดไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ก็ยากต่อการประสบความสำเร็จ ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับถือว่าเป็นธุรกิจที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และจุดแข็งมากมาย ดังนั้นกลยุทธ์ที่เลือกใช้จึงควรเน้นการดึงดูดอารมณ์ความรู้สึกของผู้ซื้อ หากคำนึงถึงจุดนี้ ผู้ขายจะสามารถสร้างกลยุทธ์การตลาดที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ซื้อได้ และสร้างความโดดเด่นของแบรนด์ ได้เป็นอย่างดี วันนี้เราจะพาไปเจาะ 3 กลยุทธ์ที่มีความสำคัญในการเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับกันครับ

1. ปรับโฟกัส ... เลือกกลุ่มเป้าหมายให้ตรงจุด

การวิเคราะห์ และการโฟกัสกลุ่มเป้าหมาย เพื่อการเพิ่มยอดขายเป็นสิ่งสำคัญของการทำธุรกิจเพราะหากเราสามารถแบ่งกลุ่มเป้าหมายให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น และตรงกับผลิตภัณฑ์หรือสินค้าเราได้มากเท่าไร เท่ากับว่าธุรกิจจะลดต้นทุนในการทำการตลาดที่ไม่จำเป็นออกไป และจะมีประสิทธิภาพในการเสนอขายให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการมากขึ้น เมื่อปีที่ผ่านมาสมาพันธ์อัญมณีและเครื่องประดับโลก (CIBJO) ได้ศึกษาและวิจัยแนวโน้มตลาดสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ โดยพบว่ากลุ่ม GEN Z จะเป็นผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ ครองตลาดกว่า 40% และเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง กลยุทธ์การตลาดสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ จึงควรเน้นไปที่การตอบสนองต่อพฤติกรรมการซื้อที่มีส่วนร่วมกับแบรนด์ มักเรียนรู้ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น Twitter, Instargram เพราะฉะนั้นถ้าแบรนด์ involve ลูกค้าได้ หรือมีการสื่อสารกับลูกค้าโดยตรง จะทำให้ลูกค้ารักแบรนด์นั้นและมีแนวโน้มที่จะซื้อผลิตภัณฑ์จากแบรนด์นั้นได้ง่าย

เครดิตภาพเครื่องประดับเงินจากโครงการ “มาเหนือ”
เครดิตภาพเครื่องประดับเงินจากโครงการ “มาเหนือ”

2. การตลาดที่สร้างกับเรื่องราวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ (Story Telling)

นักวิจัยในหลายประเทศทั่วโลก ได้ทำการศึกษาสมองของลูกค้าในขณะที่กำลังเลือกซื้อสินค้าต่างๆ พบว่า ลูกค้าใช้อารมณ์ในการตัดสินใจซื้อสินค้า มากกว่าใช้เหตุผลหรือข้อมูลที่ร้านให้มา ดังนั้นการที่เราจะเสนอขายผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะอัญมณีและเครื่องประดับ ต้องใช้อารมณ์และความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคมากกว่าเหตุผลในการตัดสินใจซื้อ เช่น แหวนหมั้น แหวนแต่งงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่คู่รักใช้แสดงความรักต่อกันก็นับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการขายเครื่องประดับอัญมณี ด้วย กลยุทธ์ Story Telling ด้วยการเล่าเรื่องราวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก อารมณ์ ความรัก เพื่อถ่ายทอดแนวคิดของธุรกิจที่ได้ทำเพื่อส่งมอบความสุข และ ความมั่นใจให้กับความรักของผู้ซื้อ ซึ่งถือได้ว่าเป็นหัวใจหลักของการบริการให้กับลูกค้า

ภาพเครื่องประดับจากโครงการ “อีสานมอร์เดิ้น”
ภาพเครื่องประดับจากโครงการ “อีสานมอร์เดิ้น”
ภาพเครื่องประดับจากโครงการ “อีสานมอร์เดิ้น”
ภาพเครื่องประดับจากโครงการ “อีสานมอร์เดิ้น”

⦁ การสร้างแรงบันดาลใจ ควรเป็นกลยุทธ์ที่เน้นการส่งมอบประสบการณ์พิเศษให้แก่ลูกค้าหรือเป็นการสร้างแรงบันดาลใจผ่าน Influencer ที่มีชื่อเสียงหรือเป็นบุคคลต้นแบบ มานำเสนอในแคมเปญเพื่อช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้เป็นอย่างดี

⦁ การโน้มน้าว เป็นการสร้างความใฝ่ฝันและความต้องการของลูกค้าที่จะใช้ชีวิตในสังคมตามแบบที่ตนต้องการ อาทิ Tiffany & Co. ที่ได้สร้างแคมเปญเพื่อเจาะกลุ่มชาวมิลเลนเนียล โดยการใช้อีโมจิรูปเพชรและเครื่องหมายแสดงสถานะอื่นๆ อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งหมายความว่าลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการสะท้อนตัวตนออกมา

⦁ การแสดงความรัก ในธุรกิจอัญมณีความรักเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ ในแคมเปญโฆษณา การสร้างแคมเปญในช่วงโอกาสพิเศษ อาทิ วันครบรอบแต่งงาน วันวาเลนไทน์ นับว่าสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ทำให้ลูกค้ามองเห็นว่าแบรนด์ให้ความสำคัญกับลูกค้า

3. เข้าใจสื่อและการเลือกใช้

สิ่งสำคัญที่สุดของการโฆษณานั้นก็คือ การตัดสินใจเลือกสื่อที่ดีที่สุด เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจ การที่จะนำโฆษณาไปสู่ลูกค้าเป้าหมายได้นั้นควรจะต้องรู้ถึงอุปนิสัยการใช้สื่อของลูกค้าเป้าหมาย เพราะในปัจจุบันสื่อโฆษณามีจำนวนหลากหลาย การเลือกกลยุทธ์การสื่อสารที่ดี จึงช่วยให้ได้รับผลตอบแทนสูงขึ้น เมื่อเทียบกับสิ่งที่ลงทุนไป สำหรับสื่อโฆษณาที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ขายเครื่องประดับและอัญมณี เรารวบรวมมาให้แล้ว ดังนี้

แน่นอนว่านอกจากกลยุทธ์ทางการตลาดที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการให้ประสบความสำเร็จแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง คือ สินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคคำนึงถึงเป็นลำดับต้นๆ ในการเลือกซื้อ ซึ่งทางสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT ได้จัดทำโครงการซื้อด้วยความมั่นใจ Buy With Confidence (BWC) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค เช่น การเลือกซื้อที่ร้านค้าโดยเฉพาะร้านค้าที่มีตราสัญลักษณ์โครงการ Buy With Confidence (BWC) และเลือกชิ้นที่ได้รับการการันตีจาก GIT มี QR Code Tag สามารถ Scan ดูได้ว่าสินค้านั้นน่าเชื่อถือและมีมาตรฐานหรือไม่ เป็นการการันตีได้เลยว่าผู้บริโภคจะได้รับสินค้าของแท้แน่นอน

สำหรับผู้บริโภคหรือผู้ประกอบการท่านใด ที่มีคำถามอยากจะปรึกษาและสอบถามข้อมูลเชิงลึกทุกเรื่องเกี่ยวกับอัญมณีและเครื่องประดับ ทาง GIT ได้จัดทำ Mobile Application ที่ชื่อว่า Carat “กะรัต” เพื่อบริการให้คำปรึกษาด้านอัญมณีและเครื่องประดับแบบครบวงจร โดยสามารถขอรับคำปรึกษาและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอัญมณีและเครื่องประดับได้ทุกที่ ทุกเวลา ทั้งด้านการตรวจสอบอัญมณี การตรวจสอบโลหะมีค่า ด้านการตลาด นักออกแบบ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการที่ต้องการขอรับคำปรึกษาด้านเทคนิคโดยเฉพาะ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย

หากผู้ประกอบการสามารถนำแนวคิดกลยุทธ์ทางการตลาดดังกล่าวไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจของตน เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้ด้วย การสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้ามีความไว้ใจและภักดีต่อแบรนด์ ก็จะทำให้กิจการสามารถดำเนินธุรกิจไปได้แม้ว่าต้องเผชิญกับวิกฤติอีกครั้งก็ตาม สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการพัฒนาทักษะ ต่อยอดแนวคิดการออกแบบ และเติมเต็มประสบการณ์กับสุดยอดผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับของไทย สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT สถาบันหลักของประเทศไทยด้านการตรวจสอบและออกใบรับรองอัญมณีและโลหะมีค่า มีคอร์สเรียนออนไลน์สำหรับผู้ที่สนใจ เป็น เช่น Storytelling, From Khowledge Base to Creativity, Jewelry in Fashion เป็นต้น โดยสามารถเข้าร่วมคอร์สเรียนได้ที่ masterclass.git.or.th 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ฝ่ายตรวจสอบอัญมณีและเครื่องประดับ โทร. 02 634 4999 ต่อ 406-413 และฝ่ายฝึกอบรม โทร. 02 634 4999 ต่อ 306 – 313 หรือเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.git.or.th