เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่มีความแน่วแน่ชัดเจนในความต้องการของตนเอง อติคุณ ทองแตง ทายาทนักธุรกิจคนดัง ที่หันหลังให้งานธุรกิจของที่บ้าน มาสร้างธุรกิจของตนเองในรูปแบบ social enterprise ที่จะคืนสู่สังคมในเรื่องของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การใช้ชีวิตของคนและธรรมชาติที่ต้องอยู่คู่กันไป

เอี่ยม อติคุณ ทองแตง ผู้บริหารหนุ่มวัย 31 ปี ทายาทคนสุดท้องในจำนวน 4 คน ของ “วิชัย ทองแตง” มหาเศรษฐีนักธุรกิจชื่อดัง ซึ่งได้ฉีกตัวออกมาทำในสิ่งที่ ตนเองรักและศรัทธา ด้วยการสร้าง “Somdul Agro forestry Home” ศูนย์การเรียนรู้ และ Cafe Hub เกษตรกรรมเชิง “วนเกษตร” บนพื้นที่ 15 ไร่ ใน อ.บาง คนที จ.สมุทรสงคราม ไม่ไกลจากตลาดน้ำอัมพวา จุดเริ่มต้นของการลงมือทำในสิ่งที่รักนี้ เอี่ยม–อติคุณ เล่าว่า ตนเรียนจบบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ แต่เป็นสายอนุรักษ์ อยู่ในชมรมอนุรักษ์ ทำงานอาสาไปเรื่อยๆ เพราะชอบมาตั้งแต่เด็ก ได้รับการปลูกฝังจากครอบครัวให้รักธรรมชาติ พอเรียนจบได้มานั่งคิดกันกับเพื่อนๆว่าจะทำธุรกิจอะไรดี ที่ให้ตรงกับความสนใจของเรา ในเรื่องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ไปศึกษาทั้งศึกษาด้วยตนเองและจากปราชญ์ชาวบ้าน จนตกผลึกในการทำ “Somdul Agroforestry Home” ในรูปแบบวนเกษตร โดยมีบ้านสวนออนซอน (บ้านพ่อเลี่ยม บุตรจันทรา) จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็น ต้นแบบ พื้นที่ทั้งหมดประกอบด้วย ส่วนที่เป็นป่า ร่องสวน สวนมะพร้าว สวนปลูกผัก เลี้ยงผึ้ง และร้านอาหารคาเฟ่ ซึ่งเปิดวันจันทร์-พุธ เวลา 09.00-17.00 น. วันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น. ปิดทุกวันพฤหัสบดี โทร. 09-8362-9894

...

“การทำ “สมดุล” นี้เราตั้งเป้าหมายเพื่อให้ร้านเป็นศูนย์กลางเรียนรู้เชิงอนุรักษ์ทางการ เกษตร ในส่วนของร้านอาหาร เริ่มมาจากการที่เราตั้งให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ เลยอยากให้มีอะไรสักอย่างดึงดูดคนให้มาสนใจก่อน ให้คนเข้ามาสัมผัสธรรมชาติในร้าน สัมผัสต้นไม้ในร้าน และจะได้มาแลกเปลี่ยนสื่อสารกัน หรือคนที่สนใจจะมาเวิร์กช็อปต่างๆ เช่น การเลี้ยงผึ้ง หรือเรื่อง กาแฟพิเศษ เรื่องกาแฟใต้ร่มเงาไม้ หรือแม้กระทั่งเรื่องการดูนก ในการทำ “สมดุล” ผมทำเป็น social enterprise แบบสมบูรณ์ ไม่ได้ตั้งใจทำเพื่อจะได้กำไรเข้าตัว ถ้ามีกำไรก็จะนำเงินไปส่งเสริมงานอนุรักษ์ต่างๆที่เราร่วมทำงาน ไม่ว่าจะเป็นกรมป่าไม้ โปรเจกต์ศึกษาวิจัยเสือโคร่ง ห้วยขาแข้ง หรือกลุ่มใบไม้ ที่ทำงานด้านอนุรักษ์มาตลอด ในส่วนตัวผมก็พอมีการลงทุนด้านอื่นทั้งที่ดิน และหุ้นที่เราจะต่อยอดไปเองได้ โปรเจกต์สมดุล จึงเป็น passion ที่อยากทำจริงๆและผมก็อยู่ที่นั่นด้วย” หนุ่มไฟแรงแจงถึงงานที่รัก

ส่วนความตั้งใจเกี่ยวกับงานของนักธุรกิจหัวใจอนุรักษ์คนนี้ เขาบอกว่า สมดุล มาจากความสมดุลระหว่างคนเมือง คนรุ่นใหม่ คนเมืองทั่วไป กับธรรมชาติ เพราะหลังจากที่เราไปศึกษามาจากที่ต่างๆ จากศูนย์การเรียนรู้ หรือปราชญ์ชาวบ้าน ศูนย์อบรมต่างๆ ส่วนมากเป้าหมายหลักของเขาจะเป็นคนที่มีสวนอยู่แล้ว และจะเห็นคนรุ่นใหม่ไม่เยอะ ทั้งที่คนรุ่นใหม่ๆสนใจทางด้านนี้เยอะ เราก็อยากจะสร้างความสมดุล ชีวิตคนเมืองคนที่อยู่ในเมืองก็สามารถสนใจและสามารถทำเรื่องนี้ไปด้วยกันได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นชาวไร่ชาวนาถึงจะทำวนเกษตรได้ หรือคนที่มีพื้นที่น้อยก็สามารถปลูกต้นไม้ในบ้านได้ จึงสร้างสมดุล เพื่อเป็นสาร ตัวส่งต่อหัวใจในการอนุรักษ์ให้แก่กลุ่มคนที่เข้ามา ส่งต่อความรู้เชิงเวิร์กช็อป และกำไรที่ได้ก็จะส่งให้งานอนุรักษ์เต็มที่

“ถ้าถามว่า ผมใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามแบบปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คงต้องบอกว่าใช่ เราตั้งเป้าผลกำไร เพื่อสนับสนุนองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ การทำงานตรงนี้เป็นความภูมิใจไหม ผมอยากเรียกว่าผมมีความสุขในสิ่งที่ตนเองทำดีกว่าครับ”....ชีวิตที่สมดุลของหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงคนนี้.

...