โลกเปลี่ยนไปทุกวันจริงๆ เรื่องราวแบบที่ทำให้คนยิ้มได้ก็ยังมีอยู่บ้าง อย่างเช่นเรื่องของ ทาเทียนา เกียร์รา คุณแม่ชาวบราซิลวัย 30 เศษ ที่สูญเสียการมองเห็นเมื่ออายุ 17 ปี 

ความปรารถนาสูงสุดของ ทาเทียนา เกียร์รา คือ เมื่อเริ่มรู้ว่าตั้งครรภ์ คือเธออยากเห็นหน้าลูกของเธอสักครั้ง

แล้วฝันของเธอก็เป็นจริง เมื่อ Huggies Brasil หน่วยงานที่ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3D จากผลการทำอัลตราซาวด์ ช่วยให้แม่ที่อยู่ในโลกมืดอย่างทาเทียนาสามารถ มองเห็นลูกน้อยของเธอได้

ทาเทียนาบอกว่า เธอถามหมอขณะที่ทำอัลตราซาวด์ว่า ลูกของฉันหน้าตาเป็นอย่างไร

หมอบอกว่า เขามีจมูกที่เหมือนคุณ แต่ตาสองข้างยังปิดอยู่ คุณอยากเห็นลูกมั้ยล่ะ

“ในเวลานั้นฉันบอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึกยังไง ถ้ามันเป็นไปได้จริง เพราะในจินตนาการ ฉันก็แค่วาดภาพลูกว่า เขาคงมีจมูกเหมือนมันฝรั่งลูกเล็กๆ ปากกระจิริด และแขนก็อ้วนๆ ป้อมๆ เท่านั้น”

แต่แล้วสิ่งที่ทาเทียนาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อคุณหมอนำห่อผ้าอันหนึ่งมายื่นให้ และเมื่อเธอเปิดออกก็ได้เห็นใบหน้าของลูกที่ยังไม่เกิดเป็นครั้งแรกโดยการสัมผัส พร้อมข้อความอักษรเบรลล์ว่า Every Mom deserves this Moment. นาทีแห่งคุณค่าที่คุณแม่ทุกคนคู่ควร

...

“มันเหมือนฝันจริงๆที่ฉันได้เห็นหน้าลูกอายุ 20 สัปดาห์ ก่อนที่เขาจะลืมตาดูโลก” ทาเทียนาบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ

เธอบอกว่าจะตั้งชื่อลูกชายว่า “มูริโล”

สำนักข่าวซีบีเอสเผยแพร่ข่าวความดีใจและเทคโนโลยีที่ทำให้ทาเทียนาได้สัมผัสลูกของเธอจริงๆ

แต่ที่เร็วกว่าคือ Huggies Brasil ที่โพสต์คลิปขณะที่คุณแม่กำลังลูบคลำภาพพิมพ์สามมิติที่เป็นใบหน้าของลูกในท้อง ปรากฏว่ามียอดเข้าชมมากถึง 1.6 ล้านวิว ในเวลาเพียงสองวัน

เทคโนโลยีการพิมพ์ 3D จากผลการทำอัลตราซาวด์นี้เป็นนวัตกรรมจากญี่ปุ่น ออกสู่ตลาดมาตั้งแต่ปี 2555 โดยได้รับการตอบรับจากภาคธุรกิจทั้งในสหรัฐฯ เกาหลีใต้ และ เอสโตเนีย

แต่ก็มีคนออกมาวิจารณ์เหมือนกันว่า คุ้มหรือไม่ที่จะต้องจ่ายถึง 1,300 เหรียญสหรัฐฯ ในการดูหน้า “ตุ๊กตาในท้องที่ยังไม่เป็นตัว”

ขณะที่ผู้ผลิตก็ไม่ได้ออกมาตอบโต้หรืออธิบายอะไรมากนัก แต่ 3 ปีถัดมา “ตุ๊กตา” ในครรภ์ของทาเทียนา เกียร์รา กลายเป็นผลงานชิ้นแรกของนวัตกรรมนี้

เช่นเดียวกับคลิปที่ Huggies Brasil โพสต์ให้เห็นถึงความตื้นตันใจของแม่คนหนึ่ง ขณะลูบคลำภาพใบหน้าเล็กๆที่นูนบนแผ่นปลาสเตอร์ ซึ่งก็ทำให้เสียงวิจารณ์มากมายสงบลง

แต่ที่มากไปกว่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนเสียงที่ตะโกนบอกคนทั้งโลกว่า แสงสว่างเพียงแว่บหนึ่งของคนที่อยู่ในโลกมืดมิด มีความหมายมหาศาล

เพราะไม่ใช่แค่การมองเห็น แต่มันคือ “แรงบันดาลใจที่ให้พลังบวกแก่ชีวิต”.