เป็นสาวรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบและมีความสามารถด้านศิลปะ ภณภิสา ปวโรดม ทายาท พัชรพิมล ยังประภากร แห่งกระเป๋าหนังเอ็กโซติกแบรนด์ดัง S’uvimol จึงได้ใช้ความรู้เข้ามาสานต่อธุรกิจของครอบครัว พร้อมต่อยอดขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทุกเจเนอเรชัน
ฟ้า-ภณภิสา ปวโรดม สาวเก่งวัย 31 ปีลูกสาวคนที่สองของ คุณแม่แพร-พัชรพิมล ยังประภากร เจ้าแม่กระเป๋าหนังเอ็กโซติกแบรนด์ดัง S’uvimol เล่าถึงชีวิตการทำงานที่เข้ามาสานต่อธุรกิจของครอบครัวว่า ฟ้า เรียนจบปริญญาตรีด้านศิลปะและการออกแบบที่ Fashion Institute of Technology หรือ FIT สถาบันการออกแบบแฟชั่นที่โด่งดังติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลกที่นิวยอร์ก สหรัฐฯ ที่เลือกเรียนทางด้านนี้เพราะ เป็นคนชอบศิลปะ หลังเรียนจบก็กลับมาเริ่มต้นทำงาน จากการเป็นฟรีแลนซ์ รับงานกราฟิกอยู่สักระยะ พอเห็นว่าแบรนด์ “S’ uvimol” ของคุณแม่เริ่มขยายตัวอย่างรวดเร็ว ก็เลยเข้ามาช่วยคุณแม่ ตอนนี้ก็ 10 ปีได้แล้ว
“งานหลักๆของ ฟ้า คือดูแล 2 ส่วนเริ่มจาก SVM เป็นเครื่องหนังดีไซน์ทันสมัยเป็นที่ยอมรับในวงการแฟชั่น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ชัดเจน ซึ่งแตกแบรนด์มาจาก S’uvimol มีความเด็กลงมาแต่ยังคงซิกเนเจอร์ความเป็นแบรนด์หนังเอ็กโซติกและมีความยูนิเซ็กซ์ เน้นพวกแอคเซสเซอรีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิ กระเป๋าสตางค์, เคสโทรศัพท์, เคสแอร์พอด ที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ฟ้า จะดูภาพรวมของแบรนด์ตั้งแต่ดีไซน์ไปจนถึงโอเปอเรชัน การเงิน การตลาด งานอีกส่วน คือ S’uvimol ฟ้า มีโอกาสเข้ามาช่วยตั้งแต่ตอนที่แบรนด์เพิ่งเริ่มทำทุกอย่าง ตั้งแต่ช่วยตอบไลน์รับออเดอร์ลูกค้าผ่านทาง whatsapp ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าต่างชาติ ฟ้า ก็ช่วยดูแลในส่วนนั้นให้ค่ะ” ผู้บริหารคนเก่งแห่งแบรนด์ SVM กล่าว
...
สำหรับการทำงานในยุคโควิดที่ต้องมีการปรับตัว ผู้บริหารรุ่นใหม่คนนี้บอกว่า แบรนด์ SVM มีกลุ่มเป้าหมายหลักคือ เป็นคนที่ชื่นชอบเครื่องหนังไม่ได้จำกัดเพศและวัย ทั้งคนไทยและต่างชาติ สำหรับการตอบรับจากลูกค้าที่ผ่านมาก็ได้การตอบรับที่ดีมาโดยตลอดแต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 อาจจะทำให้ลูกค้าซื้อของน้อยลงมากหรือลูกค้าบางกลุ่มก็เปลี่ยน
วิธีการซื้อของและระมัดระวังการใช้เงินกันมากขึ้น แต่ด้วยสินค้าของเราเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์และน่าลงทุนและยังเป็นชิ้นที่ไม่มีวันล้าสมัย เลยทำให้ยังมีลูกค้าสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง และเราเน้นการขายทางออนไลน์ มากขึ้น พูดคุย ให้ข้อมูลลูกค้าให้เห็นภาพเสมือนมาร้านเอง และยังมีพนักงานขายที่สามารถตอบได้ทุกคำถาม ฝึกถ่ายรูปและวิดีโอให้ลูกค้าชมผ่านทางไลน์ จึงทำให้ธุรกิจการขายในรูปแบบใหม่มีบทบาทมากขึ้นในสถานการณ์ขณะนี้
“อยากให้คนไทยสนับสนุนแบรนด์ไทยเพราะเป็นสิ่งที่เรามีความภูมิใจและตั้งใจทำกันมากๆ แต่ด้วยประสบการณ์เครื่องหนังของแบรนด์ SVM ยังไม่ได้มีอายุยาวนานแบบแบรนด์ต่างประเทศ เลยทำให้บางจุดเรายังต้องพัฒนาและเรียนรู้ ซึ่งทางแบรนด์ยังคงพัฒนาสินค้าอยู่เสมอ และหวังว่าจะเป็นตัวเลือกหนึ่งของกระเป๋าที่คนไทยสนใจและให้โอกาสในอนาคตนะคะ” ผู้บริหารสาวรุ่นใหม่กล่าวถึงเป้าหมายที่เธอตั้งใจจะพาแบรนด์ไปสู่ความสำเร็จด้วยความมุ่งมั่น.