หมดสมัยที่จะใช้ชีวิตเหงาๆ จำกัดจำเขี่ยหลังเกษียณ เพราะยังมีอาชีพใหม่เลี้ยงตัวได้สบายๆตอนแก่ อยากชวนคุณย่าคุณยายทั้งหลายลุกขึ้นเป็น “เน็ตไอดอลวัยเกษียณ” เหมือนอย่างที่แก๊งอาม่าเมืองจีนแท็กทีมกันปลุกกระแสใหม่ พลิกชีวิตจากไม้ใกล้ฝั่งกลายมาเป็น “อินฟลูเอนเซอร์ทรงพลังของแดนมังกร” สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ เลิกเป็นภาระให้ลูกหลานต้องหนักใจ

ปรากฏการณ์อาม่าครองเมือง เกิดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า “เน็ตไอดอลวัยเกษียณ” กำลังเป็นอาชีพมาแรงในหมู่คนสูงวัยชาวจีน นำทัพโดยกลุ่มอาม่าหัวทันสมัย ที่มารวมตัวกันในนาม “Fashion Grandmas” เมื่อ 2 ปีที่แล้ว มีสมาชิกหลักอยู่ 23 คน ล้วนแต่เป็นคนวัยเกษียณตั้งแต่อายุ 50 ปลายๆ จนถึง 70 กลางๆ แก๊งอาม่าลุกขึ้นถ่ายวิดีโอคลิปและไลฟ์สตรีมสั้นๆเผยแพร่ตามสื่อโซเชียลมีเดียท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง สร้างแรงบันดาลใจมหาศาลให้คนวัยเดียวกัน ขณะที่คนรุ่นหนุ่มสาวก็ชื่นชมนางแบบรุ่นอาม่า ที่เป็นแบบอย่างของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในวัยเกษียณ

...

หนึ่งในดาวเด่นเน็ตไอดอลอาม่า “ซัง ซิ่วจู” วัย 76 ปี แจ้งเกิดบนสื่อโซเชียลมีเดีย เมื่อ 2 ปีก่อน หลังเข้าร่วมเป็นสมาชิก “Fashion Grandmas” เล่าด้วยความภูมิใจว่า พวกเรามีแฟนๆอยู่หลายล้านคนทั่วประเทศ แฟนๆรุ่นเด็กบอกว่าอาม่าทำให้พวกเขาไม่กลัวความแก่ หลังจากที่เห็นอาม่าลุกขึ้นแต่งตัวสวยๆ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ล่าสุด แก๊งอาม่ายังแท็กทีมกันแต่งกี่เพ้าไปเดินแฟชั่นบนท้องถนนกรุงปักกิ่ง เรียกเสียงฮือฮาไปทั่วบ้านทั่วเมือง จนสำนักข่าวต่างประเทศพากันรายงานข่าวอาม่าอย่างคึกคัก

“เน็ตไอดอลอาม่า” ไม่ได้มาเล่นๆ แต่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำจริงๆ จากการถ่ายโฆษณาและเป็นอินฟลูเอนเซอร์ให้สินค้าสารพัด โดยเน้นเจาะกลุ่มผู้สูงวัยรุ่นราวคราวเดียวกัน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่ไม่น่ามองข้าม ผลการสำรวจของธนาคารเพื่อการลงทุนเครดิตสวิส บ่งชี้ว่าชาวจีนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ 245 ล้านคน ซึ่งกำลังทะยอยเข้าสู่วัยเกษียณ เป็นกลุ่มตลาดที่มีกำลังซื้อ, ยังมีความมั่งคั่ง แถมเต็มใจที่จะใช้จ่ายสำหรับการพักผ่อนและดูแลสุขภาพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

...

ทั้งนี้ สังคมผู้สูงอายุกลายเป็นวิกฤตการณ์ใหญ่ในหลายๆ ประเทศ แม้แต่ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกอย่างจีน ก็ยังวิตกว่าจำนวนคนวัยเกษียณจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จนเป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในประเทศของจีน เปิดเผยว่า ประชากรจีนที่มีอายุมากกว่า 60 ปี กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกลุ่มคนยุคเบบี้บูมเมอร์ ซึ่งเคยเป็นแรงงานหลักสร้างเศรษฐกิจสร้างชาติ กำลังทยอยเข้าสู่วัยเกษียณและคาดว่าจะมีผู้ยื่นขอรับบำนาญเพิ่มขึ้นแตะ 300 ล้านคน ภายใน 5 ปีข้างหน้า ขณะที่จำนวนผู้สูงวัยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 400 ล้านคน ภายในปี 2033 ก่อนจะพีกสุด 487 ล้านคน ในปี 2053 เมื่อถึงเวลานั้น 1 ใน 3 ของประชากรจีนจะกลายเป็นผู้สูงวัย ซึ่งก็เท่ากับกำลังแรงงานของประเทศหดหายไปทันทีกว่า 30%

นอกจากการขยายอายุเกษียณ และลงทุนระบบสาธารณสุขเพื่อดูแลสุขภาพประชากร การส่งเสริมการจ้างแรงงานผู้สูงวัย หาอาชีพใหม่ๆให้คนแก่ทำเพื่อสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองหลังเกษียณ ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ และช่วยแก้วิกฤติสังคมผู้สูงอายุได้อย่างยั่งยืน.

...