ประเทศไทยเจอทั้งวิกฤติโควิด-19 และความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้หลายองค์กรต้องการ “ผู้นำ” ที่มีคุณสมบัติพิเศษมากกว่าปกติ
ผู้นำองค์กรที่จะสามารถพาทุกคนไปรอดได้ ต้องมีลักษณะความเป็นผู้นำ นอกจากทำงานเก่ง ทัศนคติดี ต้องมีพฤติกรรมที่เป็นแบบอย่างที่ดี
เทคนิคสำหรับคนทำงานที่ขาดประสบการณ์ แต่อยากเติบโต ต้องเร่งพัฒนาให้เป็นสุดยอดผู้บริหารที่มีศักยภาพสูง
หลายองค์กรธุรกิจกำลังสู้กับวิกฤติต่างๆ ที่กำลังถาโถมเข้ามาอย่างหนัก โดยเฉพาะโควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลกจนฉุดเศรษฐกิจ และเปลี่ยนวิถีชีวิตประจำวันของผู้คน เพราะฉะนั้นผู้บริหารมืออาชีพที่กำลังเป็นที่ต้องการ ที่มีลักษณะความเป็นผู้นำ คือคนที่ต้องอยู่ในกลุ่มที่มีความสามารถ และมีศักยภาพสูง
เรื่องนี้ “นงลักษณ์ ธนรักษ์” ที่ปรึกษาด้านอาชีพ และอดีตซีอีโอ บริษัทจัดหางานข้ามชาติ มีคำแนะนำว่าจากสถานการณ์วิกฤติในปัจจุบันผู้บริหารขององค์กรต้องปรับตัว เพราะเป็นช่วงเวลาที่อยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติ สาเหตุจากทั้งโควิด-19 ระบาด จนส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจทั่วโลก และในไทยยังมีสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองอีกด้วย
“ลักษณะความเป็นผู้นำในวันนี้ต้องสามารถนำองค์กรฝ่าวิกฤติได้ ซึ่งไม่ใช่ผู้นำที่มีคุณสมบัติธรรมดา เพราะการเป็นผู้นำในภาวะปกตินั้นไม่ยาก แต่ในภาวะวิกฤติต้องเป็นคนที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น ปรับตัวได้เร็ว มีวิสัยทัศน์ สามารถมองข้ามชอตว่า ธุรกิจควรจะเป็นอย่างไร นอกจากมองหาทางฝ่าวิกฤติแล้ว ยังสามารถหาโอกาสในช่วงวิกฤติได้ ซึ่งผู้นำที่เก่ง ก็จะเห็นกันได้ตอนวิกฤตินี้”
...
โดยบทสรุป “นงลักษณ์” ได้แนะนำว่า ลักษณะความเป็นผู้นำที่เก่งในภาวะวิกฤตินี้ต้องมีคุณสมบัติหลัก 5 ข้อคือ
1.มนุษยสัมพันธ์ดี สามารถเชื่อมโยงคนหลายคน คุยกับทุกคน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องรู้เรื่อง เป็นมือประสานสิบทิศ มีความสามารถในการสื่อสารให้คนสบายใจ ทำงานร่วมกันให้พ้นวิกฤติ สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ ให้มาร่วมกันทำงาน
2.มีวิสัยทัศน์ คือคุณสมบัติที่โดดเด่นอีกข้อของคนที่มีลักษณะความเป็นผู้นำ สามารถมองเห็นเป้าหมายเพื่ออนาคตได้ และชัดจนว่าจะทำอะไร และทำอย่างไร เพื่อให้ผ่านวิกฤติไปได้
3.มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ลงมือปฏิบัติเองโดยไม่ต้องมีคนคอยกำกับอย่างใกล้ชิด
4.ผู้นำต้องรับรู้ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สามารถทำความเข้าใจ และสื่อสารต่อในองค์กรได้
5.กล้าเปลี่ยนแปลง กล้าทำในสิ่งที่องค์กรไม่เคยทำในอดีต และต้องทำให้ได้
จากคุณสมบัติ 5 ข้อหลักนี้ ยังมีรายละเอียดที่ “นงลักษณ์” แนะนำ ไว้ในหนังสือ "Talented Genius" ว่า ในสถานการณ์พิเศษแบบนี้ สำหรับผู้ที่อายุน้อย ยังขาดประสบการณ์ แต่มีแนวโน้ม หรืออยากเติบโตเป็นผู้นำในอนาคตนั้น ต้องพัฒนาคุณสมบัติด้านความเป็นผู้นำในแบบฉบับเป็นผู้นำที่มีศักยภาพภาพสูง (High Potential หรือ Hi-Po) เช่น
มีความชาญฉลาดทางด้านสติปัญญา สำคัญมากของคนที่มีลักษณะความเป็นผู้นำมีความสามารถในการรับรู้ มีความคล่องตัวในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว สอนงานได้เร็ว
น้อมรับคำติชม พนักงานที่มีศักยภาพสูงจะน้อมรับคำวิจารณ์ และคำติชม รับฟังความคิดเห็นอย่างจริงจัง แล้วนำไปปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน ใครที่ไม่รับคำติ จะไม่สามารถเป็นผู้นำได้
มีความสามารถในการจัดการกับความกดดัน ทำงานได้ตามกำหนดเวลา ไม่ยอมแพ้ต่อความกดดัน เปลี่ยนความกดดันเป็นพลังขับเคลื่อนในการทำงาน
พนักงานที่มีศักยภาพสูงจะทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนร่วมงาน ช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานโดยไม่ลังเล ช่วยให้องค์กรทำงานได้อย่างราบรื่น เมื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นจะได้รับการยอมรับ และเป็นแบบอย่างต่อผู้อื่น
ทำงานคนเดียวหรือเป็นทีมได้ มีความสามารถทำงานคนเดียวได้ สามารถจัดการงานที่ได้รับมอบหมายได้เพียงผู้เดียว โดยไม่ต้องมีผู้อื่นช่วยเหลือ โดยผู้บริหารวางใจได้ว่างานจะสำเร็จตามกำหนดเวลาและเป็นงานที่มีคุณภาพ นอกจากทำงานคนเดียวได้ ยังสามารถทำงานเป็นทีมได้ด้วย
นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีความน่าเชื่อถือ ความสามารถในการตัดสินใจ มีบุคลิกที่เรียบง่าย เป็นคนที่มีแรงบันดาลใจ และมีทักษะในการตั้งคำถาม โดยเฉพาะในการสอนทีมงานต้องตั้งคำถาม ซึ่งการหาทางออกในทุกวิกฤติต้องตั้งคำถามได้ดี เช่น หากลูกทีม บอกว่าทำไม่ได้ ก็ต้องตั้งคำถามเพื่อค้นหาว่าทำไมถึงทำไม่ได้ เป็นต้น
บทสรุปที่ “นงลักษณ์” ซึ่งเป็นที่ปรึกษาการคัดเลือกผู้บริหารองค์กรธุรกิจมาจำนวนมาก เน้นย้ำในเรื่องของความเป็นผู้นำ คือการดูพฤติกรรม และทัศนคติเป็นสิ่งสำคัญในอันดับต้น ๆ นอกเหนือจากทักษะความรู้ เพราะนี่คือคุณลักษณะความเป็นผู้นำที่จะทำให้องค์กรผ่านพ้นช่วงภาวะไม่ปกติได้
...