มีคุณแม่ท่านหนึ่งอินบ็อกซ์มาถามครูเคทในเพจ Kate Inspirer ว่า “... ลูกอยู่เตรียมอนุบาลไม่ยอมไปโรงเรียนค่ะ ทำไงดีคะ ตื่นเช้ามาโวยวายไม่ไปโรงเรียน ไม่อาบน้ำ ร้องโวยวาย แล้วมีกิริยาเอาแต่ใจตัวเองถ้าไม่พอใจเอามือ 2 ข้างถูไปมาอาละวาดค่ะ ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ...”

การที่เด็กไม่อยากไปโรงเรียนมีหลายสาเหตุ เช่น อาจเกี่ยวข้องกับโรงเรียน หรือที่บ้าน หรืออาจเกิดจากปัจจัยของตัวเด็กเองก็ได้

สาเหตุที่เกี่ยวกับโรงเเรียน เช่น โดนครูดุ หรือขู่ โดนเพื่อนว่าหรือแกล้งหรือหัวเราะเยาะ หรืออาจกลัวสถานที่ เพราะอาจได้ยินเรื่องราวบางอย่าง อย่างเช่น เพื่อนบอกว่าตรงนั้นตรงนี้มีผี มีแมงมุม ฯลฯ ต้องค่อยๆ หลอกถามเวลาอารมณ์ดี ให้เขาเล่าให้ฟัง

สาเหตุที่เกี่ยวกับครอบครัว เช่น พ่อแม่ทะเลาะกัน หรือมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นที่บ้านที่ทำให้เด็กมีความวิตกกังวล เช่น กลัวพ่อแม่เลิกกัน กลัวพ่อแม่ทะเลาะกัน กลัวพ่อแม่หายไป ฯลฯ หรือในกรณีที่พ่อแม่เลี้ยงลูกแบบใกล้ชิดเกินไป ลูกอาจไม่อยากห่างพ่อแม่ จึงไม่อยากไปโรงเรียนก็ได้

สาเหตุที่เกี่ยวกับตัวเด็กเอง เช่น เด็กนอนไม่เต็มอิ่มแล้วถูกปลุกขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวไปโรงเงรียน ทำให้รู้สึกหงุดหงิดโดนบังคับ จิตของเด็กอาจเชื่อมโยงความหงุดหงิดกับการไปโรงเรียนได้ จากที่ถามมา การที่เด็กอาละวาดถูมือไปมาเป็นสัญญาณของความเครียดและอึดอัดใจ และไม่รู้ว่าจะแสดงออกอย่างไร พ่อแม่ต้องสังเกตเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง อย่าดุหรือบังคับ เพราะจะยิ่งเชื่อมโยงให้เด็กเกลียดโรงเรียนมากขึ้น

บางคนขาดทักษะทางสังคมไม่รู้จะเล่นกับเพื่อนอย่างไร จึงไม่อยากเล่นกับคนที่ไม่คุ้นเคย เพราะเติบโตมากับโลกเสมือนจริงในมือถือ ทำให้ขาดทักษะเกี่ยวกับมนุษย์ ไม่รู้จะคุยกับใครอย่างไร ยิ่งบ้านที่พ่อแม่สื่อสารทางเดียวคือสั่งกับสอน แต่ไม่เคยตั้งใจฟังลูกจริงๆ ยิ่งทำให้เด็กกลัวการพูดคุยกับคนมากขึ้น นอกจากนี้ลองสังเกตอาการและพฤติกรรมในด้านอื่นๆ ด้วยเช่น การรอคอย พฤติกรรมเมื่ออยู่กับเพื่อนหรือคนอื่นๆ ที่ไม่คุ้นเคย ภาษาและบทสนทนากับผู้อื่น (เด็กบางคนเริ่มบทสนทนาไม่เป็น เพราะส่วนใหญ่มีแต่ถูกถาม)

...

เด็กบางคนยังช่วยเหลือตัวเองไม่เก่งทำให้กังวลใจเวลาเข้าห้องน้ำหรือทำอะไรไม่ทันเพื่อน ขาดความเชื่อมั่นในการทำอะไรโดยที่ไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วย พ่อแม่ควรเตรียมความพร้อมของลูกด้านทักษะการดูแลตัวเองและทักษะทางสังคมก่อนที่จะเข้าโรงเรียน หากเด็กยังไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องเร่งรัด สมัยก่อนอนุบาลมีแค่ อ. 1-2 เท่านั้น ไม่มีเตรียมอนุบาล สมัยนี้เร่งเรียนกันมากไป กลายเป็นเด็กต้องเรียนเตรียมอนุบาล แล้วยังต้องเรียน อ. 1-3 หากที่บ้านมีผู้ปกครองเลี้ยงดูเด็กได้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งเข้าโรงเรียนค่ะ

การสอนให้เด็กยุคใหม่มีทักษะสังคมกับคนตัวเป็นๆ และเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ เด็กที่ไม่เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกตัวเองมักเก็บกดอารมณ์สะสมเอาไว้ เมื่อโตขึ้นมักจะซึมเศร้า หรือไม่ก็กลายเป็นคนฉุนเฉียวค่ะ ควรสอนให้เด็กหัดสังเกตและเข้าใจความรู้สึกของตัวเองที่ปรากฏบนร่างกาย เช่น “หนูกำลังโกรธใช่มั้ย ดูสิตัวแข็งเลย (หรือ หน้าร้อนเลย หรือ หายใจแรงเลย)” “โถ... หนูกำลังกลัว ดูสิตัวสั่นเลย” ฯลฯ เมื่อเด็กเข้าความรู้สึกของตัวเองแล้ว ให้สอนวิธีตอบสนองอย่างเหมาะสม เช่น ถ้ารู้สึกกลัวหรือโกรธ ให้สูดหายใจเข้าลึกๆ ออกช้าๆ ยาวๆ ถ้ารู้สึกอาย ให้ยิ้มรับ เป็นต้น

ใครมีปัญหา ลูกเรียนไม่เก่ง ไม่รู้จะทำอะไรในอนาคต ญาติพี่น้องติดกลุ่มลัทธิ ปัญหาครอบครัว ความสัมพันธ์ การทำงาน ติดโซเชียล ติดเกม panic และ phobia มารับคำปรึกษากับครูเคทได้ที่ KruKate Counseling Center ต้องการนัดคิว โทร. 0814581165 หรือ เข้าไปฝากคำถามและแชร์ประสบการณ์ในแฟนเพจ www.facebook.com/kateinspirer และ YouTube channels: Kate Inspirer ได้นะคะ