ไม่ว่าราคาทองจะขึ้นสูงหรือคงที่ ก็มีคนขายทองออนไลน์ โดยเฉพาะที่เป็นมิจฉาชีพมาขาย ซึ่งมักจะใช้เล่ห์อุบายหลอกว่าให้ลงทุนทองออนไลน์แบบเก็บออมสะสม หรือซื้อเป็นทองแท่งเต็มบาทไปเก็บไว้ขายต่อร้านทองเพื่อรับส่วนต่าง วันนี้ไทยรัฐออนไลน์มีคำแนะนำการเลือกซื้อทองออนไลน์มาฝากกัน
ทองออนไลน์ คืออะไรกันแน่
หากเปิดขายทองออนไลน์ แต่ไม่มีหน้าร้าน ห้ามซื้อเด็ดขาด ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยว่าเป็นมิจฉาชีพแน่ๆ เพราะการจำหน่ายทองคำ มีกฎหมายควบคุมการซื้อขายทองคำเอาไว้ อาทิ
- กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
- กฎหมายเกี่ยวกับภาษีร้านทอง, กรมสรรพากร
- กฎหมายเกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออกทองคำ
- กฎหมาย และประกาศกระทรวงพาณิชย์
- กฎหมาย และประกาศสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
และมีกฎหมายสำคัญจากทาง ปปง. เกี่ยวกับการฟอกเงิน คือ ลูกค้าที่ซื้อขายทองตั้งแต่ 100,000 บาท ต้องแสดงตนกับทางร้านค้า และซื้อขายด้วยเงินสดตั้งแต่ 2,000,000 บาท ขึ้นไป ทางร้านทองต้องรายงานต่อ ปปง.
...
เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีร้านทองออนไลน์ แต่หากมีอยู่จริงทางร้านทองจะต้องขอเอกสารแสดงตัวของลูกค้าเมื่อสั่งซื้อ 100,000 บาท ขึ้นไป
กลโกงซื้อขายทองออนไลน์สไตล์มิจฉาชีพ
มิจฉาชีพใช้ช่องว่างของการซื้อขายทองคำ ในเรื่องส่วนต่างราคาเมื่อขายวันต่อวัน เพื่อจูงใจลูกค้า ด้วยกลอุบายต่างๆ ให้ลูกค้าหลงเชื่อ และหลงโอนเงิน เช่น
1. ถ่ายรูปทองคำแท้ แต่ส่งทองคำปลอมให้
2. พูดจาโน้มน้าวให้ลูกค้าเชื่อว่านำไปขายต่อร้านทองทั่วไปได้ส่วนต่างเยอะ
3. สอดไส้ข้างในเป็นทองปลอม
4. ส่งทองที่น้ำหนักไม่ตรงกับที่ซื้อ
5. บอกเปอร์เซ็นต์ทองไม่ตรงกับทองคำที่ส่งให้
การเลือกซื้อทองออนไลน์แบบไม่โดนโกง
หากคุณต้องการซื้อทองคำ ควรเดินทางไปที่ร้านโดยตรง แม้ว่าร้านจะมีช่องทางให้ติดต่อทางโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางโฆษณา โชว์รูปภาพ และให้สั่งซื้อทาง Facebook, LINE ได้ แต่ว่าคุณต้องตรวจสอบเลขบัญชีให้ถูกต้อง
1. ทราบว่าร้านทองมีหน้าร้านอยู่จริง
เคยเห็นมากับตา หรือตรวจสอบชื่อร้านกับสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย (ดูทางเว็บไซต์ www.goldtraders.or.th ได้)
2. เลขบัญชีที่จะโอน ตรงกับชื่อเจ้าของร้าน
โดยส่วนใหญ่วิธีการซื้อทองออนไลน์นี้ ทางผู้ซื้อจะรู้จักกับเจ้าของร้านอยู่แล้ว หากจะโอนเงินก็ต้องทราบชื่อสกุลที่ตรงกับเจ้าของร้าน (แม้เป็นชื่อลูกน้องในร้านก็ไม่ควรโอน)
3. น้ำหนักทองต้องตรง
ทางร้านจะต้องแสดงหลักฐานวางทองไว้บนตาชั่ง แสดงทศนิยม 2 ตำแหน่ง ส่งภาพให้ลูกค้าดูก่อนส่งของ
4. การจัดส่งแบบ EMS แบบมีรับประกัน
ปัจจุบันการจัดส่งผ่านไปรษณีย์ไทย เป็นเจ้าเดียวที่มีรับประกันสินค้าสูงสุดถึง 50,000 - 200,000 บาท และหน้าพัสดุจะต้องไม่แจ้งรายการว่าจัดส่งจากร้านทอง เพราะเสี่ยงกับการโจรกรรม
5. มีรับประกันทอง
ร้านที่น่าเชื่อถือจะแจ้งกับลูกค้าเช่นเดียวกับการซื้อหน้าร้าน คือ มีใบรับประกันทอง เขียนว่าจำหน่ายทองลักษณะใด น้ำหนักทองเท่าไร ซื้อขายทองวันที่เท่าไร และจำหน่ายออกราคาเท่าไร เพื่อให้ลูกค้าสามารถเคลมหรือนำมาขายคืนในราคาที่ตรวจสอบได้
การโดนโกงที่เกิดขึ้นแล้ว คือ ผู้ขายขอรับซื้อคืนในราคาที่หักเปอร์เซ็นต์สูงเกินไป เช่น ขาย 20,000 บาท ทางร้านรับซื้อโดยหัก 35% ซึ่งสูงกว่าความเป็นจริง หากเป็นทองแท่งร้านที่จดทะเบียนถูกต้อง จะหักเพียงค่ากำเหน็จเท่านั้น หากมีค่าใช้จ่ายที่หักเพิ่มเติมทางร้านต้องแจ้งกับลูกค้าชัดเจนตั้งแต่ก่อนซื้อขาย
สุดท้ายนี้เตือนผู้ที่ต้องการซื้อทองออนไลน์ อย่าเพิ่งรีบโอน หลังจากได้เลขบัญชีมา เอาไปตรวจสอบชื่อบัญชีคนโกงก่อน โดยคัดลอกชื่อไปวางใน Google ก็พอจะเห็นประวัติได้บ้าง แต่ทางที่ดี ไม่เห็นทองจริง ไม่ได้จับ ไม่ควรซื้อ ยอมเสียค่ารถเดินทางไปที่ร้านโดยตรง ดีกว่ามาเสียใจภายหลัง