ในขณะที่ธุรกิจและประเทศต่างๆกำลังรับมือกับภาวะ new normal หรือความปกติในรูปแบบใหม่ การพัฒนาทางเทคโนโลยีจะมีความสำคัญมากขึ้นต่อการทำงานและชีวิตประจำวัน
กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ดีเคเอสเอช (DKSH) ประเทศไทย จัดงานสัมมนาหัวข้อ Preparing for the New Normal : Covid-19 Solutions for the Future เพื่อนำเสนอนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยสูงสุดในการเตรียมความพร้อมให้แก่ภาคธุรกิจไทยในการกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งภายใต้มาตรฐานด้านความปลอดภัยใหม่ๆ ต้านภัยจากโรคระบาดในอนาคต
โดยมี การนำเสนอเทคโนโลยีล่าสุดในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 และมุมมองสำหรับภาคธุรกิจในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีต้านภัย โรคติดต่อ
เริ่มต้นที่ เครื่องอ่านค่า Polymerase Chain Reaction (PCR) เรียลไทม์ แบบพกพาพร้อมแบตเตอรี่ รุ่น “Liberty16” จากแบรนด์ Ubiquitome ซึ่งเป็นผู้นำด้านเครื่องมือวิเคราะห์พันธุกรรมแบบพกพาระดับโลก ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้ให้ประสิทธิภาพด้านความแม่นยำในการอ่านค่า Real-Time PCR ที่เป็นเลิศ
...
Adrien Kehlstadt ผู้อำนวยการอาวุโส หน่วยธุรกิจเทคโนโลยี บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า นวัตกรรมนี้ถือว่าเป็นนิว นอร์มอล ของเทคโนโลยีที่สามารถตรวจสอบหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ภายในเวลาไม่เกิน 45 นาที ได้มากถึง 16 ตัวอย่างในเวลาเดียวกัน และส่งต่อข้อมูลไปยังแอปพลิเคชันบนระบบ iOS
“เครื่องตรวจหาเชื้อโควิดแบบ PCR เรียลไทม์ เหมือนเป็นเครื่องถ่ายเอกสารดีเอ็นเอแบบย่อส่วนที่สามารถเพิ่มจำนวนดีเอ็นเอที่สนใจอย่างเฉพาะเจาะจงได้ ไม่ว่าจะเป็นจากมนุษย์ สัตว์ หรือเชื้อโรคจากสภาพแวดล้อมโดยรอบ”
คุณเอเดรียน บอกว่า นอกจากเครื่อง PCR แล้ว ยังมีอุปกรณ์ตรวจแอนติบอดีเชื้อโควิด-19 แบบเร่งด่วนที่ง่ายต่อการใช้งานและให้ผลลัพธ์ภายในเวลาเพียง 15 นาที และสเปรย์ฉีดฆ่าเชื้อบนพื้นผิวที่มีความคงทนยาวนานถึงหนึ่งปีโดยไม่ต้องสเปรย์ซ้ำ
“นวัตกรรมอเนกประสงค์เหล่านี้เปิดโอกาสให้หลากหลายอุตสาหกรรมสามารถก้าวข้ามอุปสรรคจากการแพร่ระบาดของโรคติดต่อหรือความเสี่ยงด้านสุขภาพต่างๆ และรับรองความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ลูกค้า พนักงาน และผู้ที่เกี่ยวข้อง” ผอ.อาวุโส ดีเคเอสเอช บอก
คุณเอเดรียน บอกว่า ดีเคเอสเอชมีหน้าที่ในการเชื่อมต่อลูกค้าในประเทศไทยกับนวัตกรรมล่าสุดจากทั่วโลก ด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ของเราที่จะเสาะหาและจัดสรรนวัตกรรมที่ดีที่สุดให้แก่ตลาดไทย เพื่อช่วยตอบโต้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายนานาชาติ
“การลงทุนในด้านเทคโนโลยีต้านโรคติดต่อเป็นหนึ่งในวิธีที่จะสามารถช่วยเตรียมความพร้อมให้แก่ลูกค้าในการเผชิญกับภัยโรคระบาดในอนาคต และปรับตัวต่อแนวโน้มทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นหลังการระบาดของโควิด-19 ได้”
...
ในระหว่างการสัมมนา ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจากดีเคเอสเอชยังได้แบ่งปันข้อมูลเชิงอุตสาหกรรม แนวโน้มการตลาด และกรณีศึกษาจากทั่วโลก เกี่ยวกับการเติบโตของเทคโนโลยีต้านภัยโรคติดต่อ และนัยสำคัญต่อภาคธุรกิจไทย การแพร่ระบาดระดับโลกของโรคต่างๆมีแนวโน้มที่จะเกิดบ่อยครั้งยิ่งขึ้น เนื่องจากภาวะโลกาภิวัตน์ การขยายตัวของความเป็นเมือง และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก ความต้องการนวัตกรรมต้านโรคติดต่อมีแนวโน้มสูงขึ้น ไม่เพียงในภาคส่วนการแพทย์หรือเวชภัณฑ์ แต่รวมไปถึงการโรงแรม การค้า อาหารและเครื่องดื่ม และชีววิทยาศาสตร์
“แนวโน้มตลาดชี้ให้เห็นถึงการลงทุนด้านการเก็บวิเคราะห์ข้อมูลเชิงไบโอเมทริกซ์ (biometrics) ที่จะสูงขึ้น เนื่องจากธุรกิจต่างๆต้องการลดความเสี่ยงเชิงสุขภาพ และยกระดับทางการรักษาความปลอดภัยขององค์กร พร้อมกันนี้ การสร้างห้องปฏิบัติการทดสอบภายในองค์กรจะกลายเป็นสิ่งที่พบเห็นได้มากขึ้น เพราะธุรกิจต่างๆจะต้องการร่นระยะเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงความสะดวกในการตรวจสอบเชื้อโดยไม่ต้องพึ่งพาบุคลากรทางการแพทย์อีกต่อไป ซึ่งตรงกับเทรนด์การพัฒนาอุปกรณ์และเครื่องมือด้านโควิด-19 ในปัจจุบัน ที่มี การคิดค้นและผลิตนวัตกรรมแบบพกพา และเชื่อมต่อผ่านระบบคลาวด์มากขึ้น” คุณเอเดรียนทิ้งท้าย
...
ขณะที่สุจิน นุ่มเรือง Assistant General Manager สายธุรกิจเครื่องมือวิทยาศาสตร์ หน่วยธุรกิจเทคโนโลยี บอกว่า สิ่งที่ลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากเรา คือ บริการอย่างครบวงจรและความเชี่ยวชาญทางเทคนิค ผ่านศูนย์ให้บริการด้านโควิด-19 ใหม่ล่าสุด รวมถึงบริการด้านวิทยาศาสตร์การวิเคราะห์จากศูนย์แห่งความเป็นเลิศ ดีเคเอสเอช ซึ่งตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตพญาไท ที่จะเป็นศูนย์รวมเครื่องมือและอุปกรณ์เพื่อการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ที่ครบครันที่สุดสำหรับลูกค้าที่ต้องการพัฒนาผลลัพธ์และเพิ่มประสิทธิผล
เทคโนโลยีต้านโรคติดต่อจะเป็นเทรนด์ใหม่ของเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับนิว นอร์มอล หลังโควิด-19 ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิดชนิดตาไม่กะพริบทีเดียว.