วิกฤติโควิด-19 พ่นพิษใส่ทุกธุรกิจวอดวายไปตามๆกัน ส่งผลให้คนตกงานเป็นเบือ ธุรกิจที่กระทบหนักสุดหนีไม่พ้นท่องเที่ยวและโรงแรม โดยรายงานจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน พบว่าปัจจุบันมีธุรกิจที่จำเป็นต้องหยุดกิจการไปแล้วกว่า 2,237 แห่ง เพิ่มขึ้น 15 เท่า จากปี 2562 และมีลูกจ้างได้รับผลกระทบมากกว่า 448,611 คน

“ชวลิต แซ่จัง” มัคคุเทศก์หนุ่มที่พ่วงตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง และ “คมสัน โชยดิรส” ผู้ช่วยเชฟในโรงแรมหรูย่านศรีนครินทร์ เพิ่งหันมาเป็นคนขับแกร็บได้ 2 เดือน เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว หลังได้รับผลกระทบเต็มๆจากวิกฤติโควิด-19 จากที่เคยตื่นเช้าไปทำงานประจำทุกวัน กลับต้องพบกับบททดสอบชีวิตครั้งสำคัญ กลายเป็นคนตกงาน

ไกด์หนุ่มเล่าว่า บริษัททัวร์เริ่มมีปัญหาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคม ตอนนั้นเริ่มคิดแล้วว่าจะเอายังไงดี เพราะว่าโควิด-19 เริ่มจากฝั่งจีน และทำท่าจะกระจายไปสู่ประเทศอื่นๆ เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ผมต้องบินไปไต้หวันอยู่เลย ทั้งเราและลูกค้าตัดสินใจอยู่นานว่าจะไปดีหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไป ซึ่งนั่นเป็นทริปสุดท้ายของผม หลังจากนั้นทริปที่จองไว้ถูกยกเลิกหมด กระทั่งกลางเดือนมีนาคม บริษัทแจ้งว่าไม่ต้องเข้าออฟฟิศแล้วนะ ตอนที่รู้ข่าวเครียดเลย

...

ด้าน “เชฟคมสัน” ก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน เพราะเจอสองเด้งทั้งนักท่องเที่ยวหาย และโดนมาตรการล็อกดาวน์ เชฟเล่าความรันทดว่า เริ่มเห็นสัญญาณเมื่อตอนที่จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง รวมถึงลูกค้าที่มาใช้บริการห้องของโรงแรมก็น้อยผิดตาจากที่เคยมีลูกค้าวันละ 600-700 คน ช่วงก่อนล็อกดาวน์มีคนมาใช้บริการเหลือวันละ 20-30 คน สุดท้ายเจ้าของโรงแรมสู้ไม่ไหว ขอให้พวกเรา Leave without pay (ลาโดยไม่รับค่าแรง) โดยยังจ่ายเงินเดือนให้ 30% แต่เราไม่ต้องไปทำงาน

อย่างไรก็ดี ทั้งคู่กลัวอดตายมากกว่ากลัวโควิด-19 จึงตัดสินใจเบนเข็มเป็นคนขับแกร็บ ชีวิตจากห้องแอร์สู่ท้องถนนสมบุกสมบันยังไง ต้องไปฟังดู “เชฟคมสัน” เล่าว่า มีน้องที่ทำงานขับแกร็บอยู่แล้ว ผมก็ถามเขาว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะเราชอบขี่มอเตอร์ไซค์ ก็คงเหมือนขี่รถเล่นแถมได้เงินด้วยเลยลองสมัครดู ผมรับทั้ง Grab Food (ส่งอาหาร) แล้วก็ GrabExpress (ส่งพัสดุ) แม้จะเหนื่อยแต่ก็ท้าทาย ต้องวิ่งไปในที่ที่ไม่เคยไป อย่างเมื่อวานผมประจำที่พัฒนาการ ไปส่งแถวๆรามสอง แล้วมีต่อจากรามสองไปปทุมธานีเพื่อส่งเอกสาร พอได้งานที่ต้องวิ่งระยะไกล รายได้มันก็ดีไปด้วย วันๆหนึ่งวิ่งได้ 10-15 งาน รายได้ถือว่าโอเคมาก

ด้านไกด์อารมณ์ดี ยอมรับว่า ช่วงแรกๆผมน็อกเลยเหมือนกัน จากคนเคยทำงานในห้องแอร์ พอต้องมาขับแกร็บยอมรับว่าเหนื่อยมาก ไม่ชินกับอากาศร้อนจัด แถมบางวันยังต้องตื่นเช้ามาก แต่กลับบ้านดึกกว่าทำงานออฟฟิศซะอีก จึงต้องปรับตัวเยอะ และเตรียมความพร้อมของร่างกายให้ดี การขับแกร็บถือว่าเป็นอาชีพอิสระนะครับ ไม่ได้ ให้ทำงานเป็นกะเหมือนแอปพลิเคชันอื่นๆ อยากจะพักเมื่อไหร่ก็พักได้ แต่เมื่อคิดว่าถ้าพักชั่วโมงหนึ่ง แล้วงานหายไป เราก็ไม่กล้าพักแล้ว ขั้นต่ำของแกร็บคือ 40 บาท หายไปสองงานก็ 80 บาท พอคิดอย่างนั้นเลยกลายเป็นคนจัดระเบียบชีวิตมากขึ้น อยากทำงานนี้ให้ดีที่สุด.

...