Work from Home เป็นรูปแบบวัฒนธรรมองค์กรที่หลายบริษัทนำมาจัดการทรัพยากรบุคคลมากขึ้นและจะทำงานที่บ้านได้ดีมีประสิทธิภาพจะต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ไอทีที่ทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตให้มีประสิทธิภาพด้วย ในวันนี้ไทยรัฐออนไลน์มี 7 อุปกรณ์แนะนำ สำหรับผู้ที่กำลังเตรียมความพร้อมทำงานออนไลน์ที่บ้านบ่อยขึ้น ต้องมาดูแล้วว่ามีอะไรที่ควรเปลี่ยนบ้าง 

รวมอุปกรณ์ไอทีที่ช่วยให้ทำงานที่บ้านได้ประสิทธิภาพ


1. หูฟังไร้สาย (Head Set wireless)
หูฟังไร้สายเป็นสิ่งแรกที่ควรเปลี่ยน เพราะการสื่อสารจะชัดเจนและมีประสิทธิภาพได้จะต้องได้ยินเสียงคู่สนทนาชัด อีกทั้งปลายทางต้องได้ยินเสียงของคุณชัดด้วย การใช้หูฟังที่แถมมาให้กับโทรศัพท์มือถือ (หรือที่เรียกกันว่าหูฟัง 3.5 mm.) อาจจะยังไม่เสถียรพอ ถ้าได้ใช้หูฟังไร้สายจะมีความคล่องตัวมากกว่า ถ้าต้องลุกเดินเพื่อเขียนบอร์ดอธิบาย หูฟังบลูทูธนี้ก็ไม่มีสายไฟมาเป็นปัญหาอีกด้วย


2. คีย์บอร์ดไร้สาย (Wireless Keyboard)
การพิมพ์ที่ดีต้องไม่มีสะกดผิด ถ้าแป้นคีย์บอร์ดแข็งจะยิ่งทำให้การพิมพ์นั้นสะดุด จึงเป็นที่มาว่าทำไมบางแบรนด์ถึงออกแบบคีย์บอร์ดมาขายแยกราคาสูงเกือบเท่าจอคอมพิวเตอร์ ยิ่งคนทำงานสายไอทีจะรู้สึกว่าคีย์บอร์ดไร้สายเป็นอวัยวะที่ 5 แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์นี้ต้องมีความเรียบลื่นเวลากด และมีตัวอักษรอักขระครบถ้วนชัดเจนเพื่อการสื่อสารหรือเข้ารหัสกับระบบคอมพิวเตอร์ไม่ผิดพลาด


3. เมาส์ไร้สาย (Wireless Mouse)
เมาส์เล่นเกม เป็นเมาส์ทื่ลื่นและมีคุณภาพสูงสุดในท้องตลาด ณ เวลานี้แล้ว และยังสามารถนำมาใช้กับการทำงานทั่วไปได้อย่างสบาย และปัจจุบันนี้แท็บเล็ตหลายยี่ห้อก็เชื่อมต่อกับเมาส์ไร้สายได้แล้วด้วย ทำให้การทำงานสะดวกยิ่งขึ้น เมาส์ที่ดีต้องจับถนัดมือ วาง Curser ได้ไม่ผิดจุด เป็นอุปกรณ์ที่ต้องซื้อใหม่กันบ่อยมาก เพราะถ้าตกพื้นแล้วจะทำให้ความแม่นยำของเลเซอร์เสื่อม ดังนั้นต้องใช้อย่างระมัดระวัง

...

4. อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล ทั้งภายในและภายนอก (SDD, HDD และอื่น ๆ)
เมื่อต้องเก็บไฟล์ภาพ วิดีโอ เสียง หรือข้อมูลจำนวนมากที่ต้องใช้เวลาถ่ายโอนสูง จึงต้องใช้ความจำเสริม เรียกว่าอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล โดยแต่ละแบบมีการใช้งานต่างกันดังนี้

  • SDD (Solid State Drive) : ใช้ติดตั้งกับตัว Main Board ก็ได้ ใช้เก็บข้อมูลขนาดใหญ่และต้องการประมวลผลเร็ว เหมาะสำหรับการเก็บข้อมูลระดับหลัก 100 GB ที่นิยมใช้กันคือ SSD 1 TB
  • HDD (Hard Disk Drive) : ใช้เก็บข้อมูลภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดดิสก์พกพาย้ายไปเสียบเครื่องอื่นได้ เหมาะสำหรับการเก็บข้อมูลระดับหลัก 100 GB เช่นกัน
  • Flash Drive, Thumb Drive, Handy Drive : ใช้เก็บข้อมูลภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์ ย้ายไปเสียบเครื่องอื่นได้ เหมาะสำหรับเก็บข้อมูลระดับ MB ถึง GB แต่เป็นอุปกรณ์ที่เสี่ยงติดไวรัสสูงจึงไม่เหมาะไว้เก็บข้อมูลสำคัญ

5. เราเตอร์ขยายสัญญาณอินเทอร์เน็ต (Router Wireless)
เพื่อสัญญาณภาพและเสียงที่ดีที่สุด คุณควรเลือกเราเตอร์ที่ตอบสนองแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตอย่างเหมาะสมด้วย บางคนซื้อแพ็กเกจรายเดือนสูงแต่ใช้เราเตอร์ที่ดึงความเร็วอินเทอร์เน็ตออกมาได้ไม่แรง ทำให้ต้องเสียโอกาสใช้สัญญาณดี ๆ ไป ซึ่งตรวจสอบได้กับผู้ให้บริการ หรือหากใช้เราเตอร์ส่งสัญญาณเสถียรที่สุดแล้วแต่ต้องการเชื่อมสัญญาณใช้กับชั้น 2 ชั้น 3 และชั้นอื่น ๆ ก็ต้องเพิ่มจุดติดตั้งเราเตอร์ด้วย

6. หน้าจอคอมพิวเตอร์ (Monitor)
งานที่ต้องใช้เวลาจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ ก็ทำให้ผู้ใช้งานอยากได้จอคอมแยกออกมาจากเครื่องโน้ตบุ๊กชัด ๆ เพื่อการแสดงผลที่ชัดเจน หรืองานที่ต้องใช้การประชุมเห็นหน้าบ่อย ๆ ก็ต้องแบ่งหน้าจอเพื่อสนทนากับพาร์ตเนอร์ทั้งในและนอกบริษัท รวมถึงการแสดงผลทางกราฟิกที่ต้องชัดเจนก่อนส่งงานเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพจึงนิยมใช้จอคอม 24 นิ้วขึ้นไป และจอคอมเล่นเกมแบบ 144 Hz และ 240 Hz ก็แสดงผลในระดับการทำงานทั่วไปได้ดี เพราะฉะนั้นบางคนจึงใช้จอเล่นเกมกับจอทำงานที่บ้านด้วยจอเดียวกัน

7. เว็บแคม (Webcam)
กล้องเว็บแคมเป็นอุปกรณ์ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบสนทนาเห็นหน้า มักนิยมใช้กับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรือหากนำมาใช้เสริมกับแล็ปท็อปที่คุณภาพกล้องหน้าช้า และไม่คมชัด การมีเว็บแคม 4K ขึ้นไป ใช้ถ่ายภาพและถ่ายวิดีโอคมชัดระดับ HD เป็นอีกหนึ่ง Gadget IT ที่บล็อกเกอร์นิยมใช้ Live สดแบบ Streaming ได้มุมสวย

เพื่อการทำงานจะได้ไม่ตก KPI และได้โบนัสเช่นเคย ทั้งหมดนี้จึงเป็นอุปกรณ์ไอทีที่ไทยรัฐออนไลน์นำมาเป็นไอเดียแนะนำให้คุณสำรวจเครื่องมือ Work from Home ที่บ้านไม่ให้พลาดการสนทนากับทีมงานและลูกค้า รวมถึงการพูดคุยร่วมงานผ่านอินเทอร์เน็ตกับชาวต่างชาติก็จะไร้ปัญหาเรื่องสัญญาณภาพและเสียงไม่เสถียร