GEN Y ติดกับดัก “ของมันต้องมี” ใช้จ่ายตามเทรนด์กลัวเอาต์ ยอมสร้างหนี้ท่วมสวนทางความฝันอยากมีบ้าน-รถก่อนวัย 40


ส่องพฤติกรรมการเงิน GEN Y ผ่านโซเชียล พบใช้จ่ายตามเทรนด์กลัวเอาต์ ติดกับดัก “ของมันต้องมี” คนส่วนใหญ่หมดเงินไปกับโทรศัพท์ เสื้อผ้า และเครื่องสำอาง พร้อมสร้างหนี้แม้ไม่มีปัญญาจ่ายคืน สวนทางความฝันต้องการมีบ้าน รถ และเงินออมก่อนวัย 40 ศูนย์วิเคราะห์ TMB Analytics เผยเงินที่ GEN Y จ่ายไปกับ “ของมันต้องมี” รวมกันสูงถึงปีละ 1.37 ล้านล้านบาท คิดเป็น 13% ของ GDP เทียบได้กับมูลค่าลงทุนใน EEC ช่วงระยะ 5 ปี หรือ 8 เท่าของมูลค่าโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

เพียงเพราะทัศนคติเหล่านี้ ทั้งบริโภคนิยม-ตัดสินใจซื้อแบบไม่ต้องคิด-ความสุขซื้อได้ด้วยประสบการณ์ ที่เป็นที่มา “ของมันต้องมี” ทำให้คน GEN Y (อายุ 23-38 ปี) ส่วนใหญ่ “ติดกับดักค่าใช้จ่าย” หันไปสร้างหนี้แทนการเดินไปถึงความฝันที่จะสร้างอนาคตที่ดีและมั่นคง อยากมีบ้าน รถ และเงินออม โดยข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า กลุ่ม GEN Y มีการกู้ถึง 7.2 ล้านคน (50% ของ GEN Y ทั้งหมด) มีภาระหนี้อยู่ที่ 4.23 แสนบาทต่อคน ที่น่าสังเกตคือ 20% ของ GEN Y ที่กู้หรือ 1.4 ล้านคน เป็นหนี้ผิดนัดชำระ คิดเป็น 7.1% ของสินเชื่อทั้งหมดที่มีการผิดนัดชำระ

ศูนย์วิเคราะห์ TMB Analytics เปิดเผยถึงผลศึกษาพฤติกรรมการเงินจากข้อมูลโซเชียลมีเดียของคน GEN Y พบว่า คนกลุ่มนี้เสียค่าใช้จ่ายไปกับ “ของมันต้องมี” โดยเฉลี่ยปีละเกือบแสนบาท หรือ 1 ใน 4 ของรายได้ต่อปี และถ้าขยายภาพให้ชัดเจนคือ ใช้เงินรวมกันสูงถึงปีละ 1.37 ล้านล้านบาท คิดเป็น 13% ของ GDP ซึ่งเทียบได้กับมูลค่าลงทุนใน EEC ช่วงระยะ 5 ปี หรือ 8 เท่าของมูลค่าโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยส่วนใหญ่หมดเงินไปกับการซื้อโทรศัพท์ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กระเป๋า และนาฬิกา/เครื่องประดับ มากกว่าการซื้อบ้าน รถยนต์ และมีเงินออมตามความฝันที่ผลสำรวจบอกว่า ของอยากมีก่อนอายุ 40 คือ อยากมีบ้าน (48%) รถยนต์ (22%) ขณะที่อยากมีเงินออมและสินทรัพย์อื่นๆ มีไม่มาก (13%)

สาเหตุที่ GEN Y อยากได้ “ของมันต้องมี” เป็นเพราะซื้อตามเทรนด์กลัวเอาต์ (42%) มากกว่ามองเป็นของจำเป็น (37%) แถมเงินที่ใช้ซื้อนั้น คนส่วนใหญ่ (70%) บอกมีเงินไม่พอ แต่ใช้การกู้จากธนาคารและใช้บัตรเครดิตกับบัตรกดเงินสดในการใช้จ่าย ซึ่งเมื่อลงรายละเอียดพบว่า มากกว่า 70% ของ GEN Y มีการผ่อนชำระที่ต้องเสียดอกเบี้ย นอกจากนี้ คนกลุ่มนี้ยังมีลักษณะเข้าทำนองฝันไกลแต่ไปไม่ถึง สะท้อนจาก GEN Y ที่เริ่มต้นทำงานเฉลี่ยตั้งเป้าอยากมีเงินเก็บ 6 ล้านบาท แต่บอกจะออมเงินเฉลี่ยแค่เดือนละ 5,500 บาท ซึ่งถ้าเก็บด้วยอัตรานี้ต้องใช้เวลาถึง 90 ปี จึงจะถึงเป้าหมาย

หาก GEN Y ต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมทางการเงินที่ดี หรือมีวินัยทางการเงิน สิ่งแรกที่แนะนำคือ ลดเงินที่ใช้กับของมันต้องมีง่ายๆ โดยลดลงแค่ 50% เพราะเชื่อว่าให้ลดหมด 100% คงเป็นไปได้ยาก ควบคู่กับวางแผนการบริหารเงินให้ดี โดยเพิ่มการออมการลงทุนให้ถูกที่ แค่นี้ GEN Y จะมีเงินสะสมเพิ่มขึ้น 43,000 บาทต่อปี เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี 20 ปี หรือยาวไป 30 ปีก็จะสามารถซื้อทรัพย์สินตามที่เคยตั้งความหวังไว้ได้ไม่ยาก

นอกจากนี้ทีเอ็มบียังได้มีกิจกรรมส่งท้ายปีให้มนุษย์เจนวาย ลองมาทดสอบตัวเองกันหน่อย ว่าจะติดกับดัก “ของมันต้องมี” ตัดใจไม่จ่ายกันไหวไหม ร่วมสนุกกันได้ที่ https://www.tmbbank.com/GenY/PR ทุกคนที่ร่วมกิจกรรมจะได้สิทธิ์ในการลุ้นรับบัตรกำนัลทองคำ 100,000 บาท จำนวน 10 รางวัล ร่วมกิจกรรมได้ง่ายๆ ตั้งแต่วันนี้ – 25 ธ.ค.