ก็เพราะชีวิตคือการเดินทาง อุปสรรคมีไว้พุ่งชน “กัปตัน จักรพงษ์ ภูมิสุวรรณ์” นักบินที่หนึ่งของการบินไทย ประจำเครื่องบินโบอิ้ง 777 จึงยอมถอดปีกชั่วคราว เพื่อออกเดินทางตามหาความฝันยิ่งใหญ่ เป็นนักบิดไทยคนแรกของเอเชียที่กระโดดขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์แอดเวนเจอร์รอบโลกตามลำพัง โดยตั้งเป้าบุกทีเดียว 7 ทวีป ตะลุย 79 ประเทศ ระยะทางมากกว่า 130,000 กิโลเมตร ภายในเวลา 2 ปี 3 เดือน ไม่หวังทำลายสถิติโลก แต่งานนี้ต้องการสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติ เพื่อแสดงให้เห็นศักยภาพของคนไทยว่าเก่งกล้าสามารถไม่แพ้ชาติใดในโลก

จากกัปตันการบินไทย โดดลงมาเป็นสิงห์นักบิดมอเตอร์ไซค์ได้อย่างไร

ผมเป็นนักบินพาณิชย์ของการบินไทยมา 24 ปี แต่มีความหลงใหลการเดินทางท่องเที่ยวผจญภัยตั้งแต่เด็กๆ ชีวิตผมชอบทำอะไรตื่นเต้นท้าทายมาตลอด ผมเคยไปเดินป่า 20-30 กิโล ผมมีนิสัยอย่างหนึ่งคือชอบให้ของขวัญตัวเองทุกครั้งที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ตอนขยับขึ้นมาเป็นกัปตันไฟลท์แรกบินกลับจากฟูกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น จู่ๆก็นึกอยากขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นมา ตั้งใจว่านี่ล่ะคือของขวัญสำหรับการเป็นกัปตัน เย็นวันนั้นก็ได้มอเตอร์ไซค์ฮาเลย์เดวิดสัน รุ่น Fat Boy มาเลย ผมเป็นคนอยากทำอะไรต้องทำ

ได้มอเตอร์ไซค์มาใหม่ๆเห่อขนาดไหน

ขี่ไปทุกที่เลยครับ ขนาดไปเซเว่นอีเลฟเว่นก็ยังขี่ ภายในเวลาปีครึ่ง ผมขี่ 35,000 กิโล ผมขี่ไปหมดเลาะตะเข็บชายแดนรอบขวานไทย แรกๆขี่เป็นก๊วนไปกับเพื่อนๆ ตอนหลังค้นพบว่าชอบอิสระไม่อยากไปกับใคร ไปกับเพื่อนเอาแค่กินอะไรนอนที่ไหนก็เถียงกันไม่จบ ผมชอบแบบค่ำไหนนอนนั่นมากกว่า

อะไรเป็นจุดเปลี่ยนให้ทิ้งฮาเลย์เดวิดสัน มาซิ่งมอเตอร์ไซค์แรงอย่าง “บิ๊กไบค์ ทัวริ่ง”

...

ผมขี่ฮาเลย์จนเจ็บหลัง ถึงรู้ตัวว่าเราเลือกมอเตอร์ไซค์ผิดประเภท ตอนไปออกทริปเชียงคานได้ไปลองขี่ “BMW บิ๊กไบค์” ของเพื่อน โอ้โหรู้เลยว่าอะไรคือความสบาย พอกลับมากรุงเทพฯผมตัดสินใจเปลี่ยนมอเตอร์ไซค์ทันที ขายฮาเลย์ทิ้งในราคาแค่ 5 แสนบาท เพื่อซื้อ “BMW R 1150 GS Adventure” ช่วง 3 เดือนแรก ขี่ไป 13,000 กิโล ขี่มันส์กว่ากันมาก พอได้คันนี้มาผมขับแอดเวนเจอร์มากขึ้น และเริ่มเดินทางคนเดียว บางทริปก็เอาแฟนไปด้วย เคยไปด้วยกัน 12 วัน เอาเต็นท์กางไปเรื่อยๆ เริ่มต้นที่เขื่อนจุฬาภรณ์คืนหนึ่ง แล้วก็ไปภูทับเบิกและเชียงคาน จากนั้นเลาะขอบประเทศไปเรื่อยๆ โดยใช้วิธีค่ำไหนกางเต็นท์นอนที่นั่น

อะไรคือความสุขหลังอานมอเตอร์ไซค์ ที่ทำให้กัปตันหลงรัก

นอกจากมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติระหว่างทาง ผมยังชอบมากที่ได้เรียนรู้วัฒนธรรมและอาหารประจำถิ่นแปลกๆ ผมเป็นคนไม่ใช้จีพีเอสนำทางเวลาขี่มอเตอร์ไซค์ เพราะเชื่อว่าถ้าใช้จีพีเอสมือเราและตาเราก็จะอยู่แต่หน้าจอ ไม่เงยหน้ามามีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆรอบข้าง ผมเลยเลือกใช้แผนที่กระดาษนี่แหละ ทำให้ผมได้เจอป้าเจอลุง แวะคุยกับชาวบ้านตลอดทาง ทุกคนจะถามว่าพ่อหนุ่มจะไปไหน ผมก็จะตอบทุกครั้งว่ามาหาป้าหาลุงนี่แหละ!! ลุงป้าหัวเราะดีใจและยอมคุยด้วย ถ้าผมไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์มาคนเดียว ก็คงไม่มีโอกาสได้คุยกับลุงๆป้าๆ ตรงนี้คือความสุขของการเดินทางที่แท้จริง นอกเหนือจากความตื่นเต้นที่ได้ไปเปิดโลกใหม่ๆ และนำประสบการณ์กลับมาแชร์แบ่งปันคนอื่นๆ

ก่อนออกเดินทางแต่ละทริปต้องเตรียมตัวเยอะไหม

ทริปแรกขนของไปเยอะมากพะรุงพะรังไปหมด ไปกางเต็นท์ครั้งหนึ่ง เวลาจะเก็บของต้องใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง ตอนหลังเอาไปแค่ของใช้ในชีวิตประจำวันกับเต็นท์นอน ส่วนอาหารการกินไปหาเอาข้างหน้า ผมกินได้หมดทั้งอึ่งอ่าง, งู, จระเข้, กิ้งก่า คือชาวบ้านกินอะไรเราก็กินแบบนั้น (หัวเราะ)

อะไรเป็นจุดหักเหสำคัญให้ออกซิ่งมอเตอร์ไซค์นอกประเทศ

10 ปีที่ขี่มอเตอร์ไซค์มา ผมเอาแผนที่ถนนประเทศไทยมาเปิดดูเราก็ไปมาเกือบหมดแล้ว เคยขี่คนเดียวไปสตูลก็ทำมาแล้ว แต่จุดเปลี่ยนจริงๆที่ทำให้ออกทริปต่างประเทศคือ ตอนเกิดน้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศ ดูข่าวทุกวันมันเครียดมาก วันหนึ่งบ่ายสามโมงผมเก็บกระเป๋า พอสี่โมงเย็นตัดสินใจขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านเลย ไปไหนไม่รู้ขึ้นเหนือไว้ก่อน ผมขี่ไปถึงตากทุ่มหนึ่งก็นอนจิบเบียร์ วันรุ่งขึ้นขี่ไปถึงเชียงราย เลยตัดสินใจว่าไปลาวเลยดีกว่า ก็ขี่ไปลาวคนเดียว 18 วัน ผมไปลาวมา 5 ครั้ง ขี่รอบพม่า ไปภูฏาน, ฟิลิปปินส์, ญี่ปุ่น, จีน, มองโกเลีย, รัสเซีย และไซบีเรีย เคยข้ามแดนไปเกาหลีเหนือ ถูกทหารเกาหลีเหนือกักตัวมาแล้ว

...

ในชีวิตสิงห์นักบิดเคยเจออุบัติเหตุร้ายแรงจนเข็ดขยาดไหม

ผมเจออุบัติเหตุใหญ่ๆมา 3-4 ครั้ง หวิดตายก็หลายหน ครั้งหนักสุดคือตอนขี่ฮาเลย์เดวิดสันกลับจากอยุธยา มีนางสาวเชียงใหม่ซ้อนท้ายไปด้วย (ยิ้ม) วันนั้นกินเบียร์ไป 6 ขวด ไม่ได้นอนทั้งคืน ร่างกายคงไม่พร้อม ผมขี่มอเตอร์ไซค์เร็วมาก 140-170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งจากอยุธยากำลังจะกลับรถเข้ากรุงเทพฯ แค่เงยหน้าขึ้นไปดูป้ายบอกทาง ก้มลงมาอีกทีเห็นมอเตอร์ไซค์วิ่งตัดหน้าจากซ้ายไปขวาแล้ว ส่วนผมกำลังจะวิ่งฝ่าขึ้นสะพาน วินาทีนั้นสัญชาตญาณนักบินทำให้ผมตัดสินใจพุ่งชนเข้ากลางลำ!! สถานการณ์แบบนี้ถ้าผมหลบก็จะล้มไม่เป็นท่าและไปเกี่ยวกับตอม่อสะพาน ผมเซอยู่หลายครั้งทานไม่ไหวเลยคว่ำรถลง รถกลิ้งไปที่สะพานไฟแลบยาว 200 เมตร วันนั้นผมใส่เสื้อยีนส์ไม่มีเกราะป้องกัน โชคดีมากที่แค่แผลถลอก ไม่มีอะไรแตกหัก

ฝันอยากขี่มอเตอร์ไซค์รอบโลกตั้งแต่เมื่อไหร่ มีเสียงทัดทานจากครอบครัวไหม

คุณแม่ไม่อยากให้ไป แต่ผมยืนยันว่านี่คือความฝัน!! จุดเปลี่ยนที่สะกิดใจมากคือ เพื่อนผมเป็นเศรษฐีร้อยล้านปั่นจักรยานอยู่ดีๆเส้นเลือดในสมองแตก จักรยานล้ม ซี่โครงหัก 5 ซี่ ไหปลาร้าหัก กลายเป็นเจ้าชายนิทราถึงทุกวันนี้!! ทำให้ผมได้คิดว่าชีวิตคนเรามันเปราะบางมาก เราเกิดมามีชีวิตเดียว ฉะนั้นอยากทำอะไรก็ต้องทำซะ อย่ามัวแต่ก้มหน้าทำงาน พอวันหนึ่งตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ โชคดีที่ภรรยาเข้าใจผม เขาบอกว่าป๊ามีอะไรอยากทำต้องรีบทำนะ ผมตอบไม่ลังเลว่าอยากขี่มอเตอร์ไซค์รอบโลก!! ภรรยาผมบอกงั้นโกเลย แต่มีข้อแม้ว่าขอมีลูกด้วยกันก่อน ผมแต่งงานกับเขาได้ 4 เดือน ก็ไปขี่มอเตอร์ไซค์ที่ไซบีเรีย กลับจากไซเบียเรีย 2 เดือน จึงเกิดความคิดเรื่องทริปรอบโลก หลังภรรยาท้อง ผมแกล้งถามว่ามีลูกแล้วคงไปไม่ได้เนอะ เชื่อไหมเขาบอกอย่าเอาลูกเป็นข้ออ้าง ผมเข้าใจเลยว่าเขารักผมจริงๆ ตอนนี้ลูกอายุ 4 เดือน จึงถึงเวลาออกเดินทาง

...

วันอาทิตย์นี้ความฝันกำลังจะเป็นจริงแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง

การได้ทำตามใจอยากทำคือที่สุดแล้ว มันเป็นฝันของคนหลังแฮนด์ ที่อยากขี่มอเตอร์ไซค์รอบโลก ผมวางแผนทริปนี้มา 2 ปี พอถึงเวลาจริงๆรู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรข้างหน้าบ้าง เพราะผมเดินทางคนเดียว ไม่มีทีมงานซัพพอร์ต ตามแผนการเช้าวันอาทิตย์นี้ (25 ก.พ.) ผมจะออกจากบ้านที่ลำลูกกา ขี่ลงไปมาเลเซียและอินโดนีเซีย ขึ้นเรือเฟอร์รี่ 8 ครั้ง ข้ามไปเมืองดาร์วิน ทางเหนือของออสเตรเลีย แล้วก็ไปทวีปแอฟริกา เริ่มจากเอธิโอเปีย ตะลุยไปอีก 15 ประเทศ ตรงนี้ใช้เวลา 6 เดือน จากนั้นจะข้ามไปทวีปอเมริกาใต้ และลงไปสำรวจขั้วโลกใต้ ตรงนี้เป็นประวัติศาสตร์โลกเลยเพราะไม่เคยมีใครขี่มอเตอร์ไซค์ลงไปถึงขั้วโลกใต้สำเร็จ ช่วงระหว่างเกาะก็ขึ้นเรือเฟอร์รี่ ระหว่างข้ามทวีปก็ต้องใช้เครื่องบิน ผมไปแบบวันต่อวันไปผจญภัยจริงๆ ใช้สูตรค่ำไหนนอนนั่น โคลัมบัสแล่นเรือไปหาดินแดนใหม่ได้ การผจญภัยของคนยุคนี้สบายกว่ากันเยอะ

...

เดินทางคนเดียวแบบนี้ อะไรคือความท้าทายและอุปสรรคที่กังวลที่สุด

สำหรับผมมีเรื่องยากคือความอดทนและกำลังใจ เราห้ามท้อ ต้องเดินหน้าไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึงจุดหมายปลายทางเอง ไปครั้งนี้ผมเตรียมตัวอย่างดี เอาเสื้อผ้าไป 3 ชุด มีเต็นท์มีอุปกรณ์เยอะมาก กินอยู่ทุกอย่างต้องอยู่บนมอเตอร์ไซค์คันเดียว อีกอย่างที่กังวลคือเรื่องอุบัติเหตุและความเจ็บป่วย เราเดินทางคนเดียวเกิดอะไรขึ้นอาจไม่มีคนช่วย ต้องมีสติตลอดเวลา ต้องศึกษาเส้นทางให้ดี ทริปนี้ผมต้องลางาน 2 ปีเศษ ต้องใช้ทุนส่วนตัวเยอะ ถึงมีสปอนเซอร์ 8 ราย แต่การสนับสนุนทางการเงินยังไม่พอ เพราะค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

แฟนๆของกัปตันหัวใจซิ่ง จะมีโอกาสติดตามการเดินทางประวัติศาสตร์ผ่านช่องทางใด

ระหว่างทางทุกอย่างที่ผมได้ไปเห็นไปรู้ไปสัมผัส ก็จะไลฟ์สดให้ชมกันทางเพจ “กัปตันมอเตอร์ไซค์” ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ผมบอกว่าจะขี่มอเตอร์ไซค์รอบโลกเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย แต่ไม่มีใครคิดว่าทำได้ ผมลุกขึ้นมาทำแบบนี้เพราะอยากจุดประกายว่าคนเราคิดอะไรต้องทำเลย ไม่มีอะไรยากเกินฝัน.

ทีมข่าวหน้าสตรี