เป็นผู้บริหารหนุ่มไฟแรงที่ค้นหางานที่ใช่สำหรับตัวเอง โดยพิสูจน์ฝีมือการทำงานที่สร้างคุณค่า ปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล เอ็มดีหนุ่มวัย 30s จึงปักหลักใช้ชีวิตที่เมืองไทย ละความตั้งใจเดิมที่จะกลับไปช่วยธุรกิจครอบครัวในต่างแดน

ปิยะศักดิ์ หรือ หนุ่ม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด โดยนั่งเก้าอี้นี้มาเกือบ 4 ปี ปัจจุบันอายุ 36 ปี เล่าเส้นทางชีวิตที่พลิกผันว่า ตนเกิดที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งพ่อแม่ (ทวีศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล-ศศิวรรณ เต็มบุญนาค) มีธุรกิจร้านอาหาร 3 แห่งที่ แมรีแลนด์, เวอร์จิเนีย และวอชิงตัน ดี.ซี. ช่วงวัยเด็ก โตและเรียนที่สหรัฐฯ จนกระทั่งจบไฮสคูล แล้วตัดสินใจมาเรียนต่อปริญญาตรีที่เมืองไทย เพราะทางบ้านอยากให้มีความคุ้นเคยกับญาติที่เมืองไทย เลยมาเรียนคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี (BBA International Program) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จบเกียรตินิยมอันดับ 1 สาขาการเงิน ตั้งใจจะกลับไปเรียนต่อปริญญาโท ที่สหรัฐฯ เพื่อจะได้ช่วยธุรกิจของครอบครัวด้วย แต่พอจะกลับ มีคนชวนทำงาน เลยติดลมบนมาจนทุกวันนี้ โดยเริ่มงานจากการเป็นนักวิเคราะห์ธุรกิจ ที่พีวายไอ คอนซัลติ้ง ในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำอยู่ปีหนึ่งจึงมาเป็นที่ปรึกษา บริษัท บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป ตามด้วย กลุ่มบริษัท เอไอจี ประจำภูมิภาคเอเชีย โดยเป็นผู้ช่วยรองประธานระดับภูมิภาค จากนั้นได้ร่วมทำงานกับกรุงศรี กรุ๊ป และด้วยฝีมือการทำงานที่โดดเด่น จึงได้เข้ามาคุมบังเหียน บริษัท เงินติดล้อ จำกัด องค์กรที่มีพนักงานกว่า 2,700 คน ทำรายได้สุทธิจาก 400 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาทภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี

“ผมทำงานมาตั้งแต่เด็ก ตอน เรียนมหาวิทยาลัย ก็ไปเป็นล่ามให้บริษัทฝรั่ง ได้เดินทางไปต่างจังหวัด เข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคคนไทย ประสบการณ์การทำงาน เหล่านี้มีประโยชน์กับผมมากเลยทีเดียว การทำงานที่เมืองไทยสอนผมหลายๆอย่าง สอนให้เรียนรู้ประสบการณ์ จากผู้ใหญ่คนที่อยู่ก่อน เพื่อมาต่อยอดความรู้ของตนเอง และชอบที่จะเอาตัวเองออกจากจุด comfort zone เพื่อสร้างการเรียนรู้ใหม่ๆ เพราะถ้าเรารู้สึกว่า รู้ไปหมดทุกอย่างแล้ว เราก็จะไม่โต นอกจากนี้การทำงานเราต้องทำงานเป็นทีม และการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ เลยชอบที่จะคุยเรื่องงานอย่างตรงไปตรงมา” ผู้บริหารคนเก่ง เล่าถึงสไตล์การทำงานของเขา

...

พร้อมกันนี้ ผู้บริหารคนเก่งยังได้แชร์แนวคิดการทำงานของตนเองให้ประสบผลสำเร็จด้วยว่า อย่างแรกต้องสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของ แม้เราจะเป็นมนุษย์เงินเดือน มีความซื่อสัตย์ต่อเพื่อนร่วมงาน ลูกน้องและลูกค้า สุดท้ายต้องเป็นผู้ให้ สร้างโอกาสให้คนอื่นได้เติบโต รวมทั้งหยิบยื่นโอกาสให้แก่คนที่ด้อยกว่า

“จากการได้คุยกับลูกค้า และได้เจอเคสกับตัวเอง คนขายผัดไทย-หอยทอด ไปออกรายการทีวีแล้วมีเจ้าหนี้นอกระบบไปทวง ผู้บริหารกรุงศรีฯ จึงให้เข้าไปช่วยดู เราเคลียร์หนี้จากเจ้าหนี้นอกระบบ แล้วให้เขามาเป็นลูกค้าเรา ไม่นานเขาก็ปิดหนี้ได้ และมีเงินออม ซื้อบ้าน ซื้อรถ เลยได้นำสิ่งที่ได้จากตรงนี้มาปรับมุมมองของพนักงานด้วยว่า การทำงานของเรา ได้ช่วยคนรากหญ้า รายได้น้อย ให้เขามีโอกาสมากขึ้นในสังคม เป็นงานที่สร้างคุณค่าแก่สังคม ซึ่งผมมองว่า ความสำเร็จในชีวิตของแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน แต่ละคนต้องหาให้เจอ สำหรับผมเจอแล้ว การได้ทำงานที่สร้างคุณค่า สร้างประโยชน์ต่อสังคมได้ ผมก็ถือว่า ประสบความสำเร็จแล้วครับ”....มุมมองชีวิตของผู้บริหารหนุ่มที่น่าจับตามองจริงๆ!!