ไม่มีใครในวงการอสังหาฯไม่รู้จักชื่อชั้นของ “ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์” นักปั้นมือทอง ผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาโครงการอสังหาฯหลากหลายระดับจำนวนมาก เมื่อจอมยุทธสุดเก๋าลุกขึ้นสร้างอาณาจักรธุรกิจของตัวเอง โดยก่อตั้ง บริษัท สโคป จำกัด ด้วยประสบการณ์คร่ำหวอดในวงการ 3 ทศวรรษ ผลลัพธ์ย่อมไม่ธรรมดา!! เขาเริ่มเขย่าวงการด้วยการซื้อที่ดินตารางวาละ 3.1 ล้านบาท บนทำเลหลังสวน มาทำคอนโดมิเนียมขาย ทุบสถิติที่ดินฟรีโฮลด์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ตามด้วยการดิสรัปต์วงการที่อยู่อาศัยครั้งใหญ่ ทุ่มหมดหน้าตักทั้งเรื่องไอเดียสร้างสรรค์, คุณภาพ, ความพิถีพิถัน และความจริงใจ เพื่อสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยระดับอินเตอร์เนชันแนล พรีเมียม ทัดเทียมระดับสากลในทุกด้านอย่างแท้จริง

...

“ผมคิดว่าแพงเท่าไหร่ก็เอา ถ้ามันใช่ ได้ที่ดินที่ดีมันยิ่งกว่าได้ทองนะครับ ตอนนั้นกำลังดูที่ดินในทำเลดีๆกลางเมืองอยู่หลายแปลงเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียม แต่พอเห็นแปลงนี้แล้ว ผมลืมแปลงอื่นๆไปเลย มันเป็นโลเกชันซุปเปอร์ไพรม์แอเรียของประเทศ ถ้าใครอยู่วงการที่ดินจะรู้ว่าเป็นแปลงที่ดินที่ดีที่สุดแปลงหนึ่งในการพัฒนาอสังหาฯในเมืองไทย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโคป จำกัด ยืนยันว่าคิดไม่ผิดที่กล้าทุ่มให้โครงการ “สโคป หลังสวน” (SCOPE LANGSUAN) มูลค่า 9,800 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่อยู่อาศัย 133 ยูนิต ซึ่งปัจจุบันปิดการขายไปแล้วกว่า 65% ด้วยราคาเริ่มต้น 50 ล้านบาท และมั่นใจว่าปีนี้สามารถปิดการขายได้แน่นอน ตอกย้ำคนรวยยังมีอีกมากในเมืองไทย

แบรนด์ “สโคป” สะท้อนตัวตน “คุณยงยุทธ” อย่างไร

ความเป็นตัวตนของผมที่ใส่เข้าไปใน “สโคป” คือการดูแลผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างดี, ใส่ใจในความต้องการของลูกค้า, เลือกใช้สิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบอินเตอร์เนชันแนล พรีเมียม และสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีให้กับลูกค้า

3 ทศวรรษที่คร่ำหวอดในวงการอสังหาฯ อะไรคือคาถาความสำเร็จ

ประสบการณ์กว่า 30 ปี ทำให้ผมเข้าใจว่าคาถาของการทำอสังหาฯที่ไม่เคยตกยุคคือ โลเกชัน โลเกชัน โลเกชัน อย่าไปดูอะไรที่มันซับซ้อนเยอะเกินไป ถ้าเราผ่านกฎข้อแรกมาได้เรารอดแน่นอน เพราะธุรกิจอสังหาฯไม่ใช่ High Risk High Return แต่เป็นคอนเซอร์เวทีฟ มันถึงเรียกว่าเรียลเอสเตท แปลว่าอะไรที่มั่นคง ต้องเป็นอะไรที่ Low Risk แต่ Good Return มันถึงป๊อปปูลาร์ โลเกชันที่ดีก็เป็นพื้นฐาน จากนั้นเป็นเรื่องโปรดักส์ และสุดท้ายคือการบริการ อีกคาถาที่จะทำให้ชนะใจลูกค้าคือ ต้องทำให้ลูกค้าเห็นถึงความคุ้มค่า เทียบคู่ไปกับการบริการที่ดี ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามแต่ละยุคสมัย ผมไม่เคยยึดติดกับสูตรสำเร็จ และมักหาอะไรใหม่ๆมานำเสนอให้ตลาดเสมอ

...

ใช้ความเก๋าปั้น “สโคป หลังสวน” ให้มีเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างไร

เรามุ่งพัฒนาโครงการที่ดีที่สุด เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่เป็น “อินเตอร์เนชันแนล พรีเมียม” กลุ่มคนที่เห็นโลกมามาก มีความชอบและรสนิยมที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะกระแสหลักในประเทศ ของบางอย่างเห็นแล้วซื้อกลับมาได้ หรือสั่งออนไลน์ได้ แต่ที่อยู่อาศัยมันทำไม่ได้ ลูกค้าหลายคนเป็นคนรวยเงียบๆ เป็นลูกเศรษฐีที่ใช้ชีวิตธรรมดาๆ และอาจพบเห็นได้ตามถนนทั่วไป ลูกค้าบางคนอาจไม่ได้เข้ามาอยู่ประจำ แต่ใช้เป็นที่มานัดเพื่อนคุย หรือเข้ามาใช้พื้นที่ส่วนกลาง สำหรับผม “สโคป” จึงเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ ที่มากกว่าบริษัทอสังหาฯ เพราะเราเข้าใจถึงรสนิยมและไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยที่มีความ Sophisticated พิถีพิถันในการใช้ชีวิตทุกมิติ เราจึงไม่ใช่แค่สร้างที่พักให้คนมาอยู่อาศัย แต่เป็นการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยรูปแบบใหม่จริงๆ มองลึกถึงหัวใจของผู้อยู่อาศัยที่ต้องการมากกว่าแค่คอนโดมิเนียมหรู ผมต้องการยกระดับแบรนด์ “สโคป” ให้อยู่ในระดับเดียวกับแบรนด์ชื่อดังระดับภูมิภาคที่เพียบพร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ (Facilities) และบริการเต็มรูปแบบ (Service) เช่นเดียวกับโรงแรม 6 ดาว ภายใต้แนวคิด “Life at its Finest” ซึ่งก่อนจะพัฒนาแบรนด์ “สโคป” ทีมงานได้ศึกษาโครงการชั้นนำทั่วโลก ทั้งฝั่งอเมริกาอย่างนิวยอร์ก, บอสตัน, ลอสแอนเจลิส ฝั่งยุโรปอย่างลอนดอน, มิลาน, โรม รวมถึงเอเชีย เช่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งใกล้เคียงกับกรุงเทพฯที่สุด แต่ “สโคป” จะทำอย่างไรให้ทัดเทียม หรือเหนือกว่าโครงการลักชัวรีที่อยู่ในตลาด นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการคิดโครงการ “SCOPE LANGSUAN” มูลค่า 9,800 ล้านบาท บนถนนหลังสวน มี 34 ชั้น ทั้งหมด 133 ยูนิต ซึ่งใช้ที่ปรึกษาด้านการออกแบบชื่อดังจากนิวยอร์กอย่าง “คอห์น พีเดอร์สัน ฟ็อกซ์” (KPF)

...

เลือกอสังหาฯยังไงให้สามารถส่งต่อเป็นมรดกถึงลูกหลาน

ต้องเฟ้นหา “Finest Location” ทำเลที่มีศักยภาพและเป็นที่ต้องการของลูกค้า เราตั้งใจคัดสรรที่ดินที่ใช่ ทั้งด้านไลฟ์สไตล์ที่ครบครัน และศักยภาพด้านมูลค่า ที่สามารถส่งต่อเป็นมรดกให้กับลูกหลานได้ อย่างทำเลหลังสวน ถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางเศรษฐกิจ, ไลฟ์สไตล์ และความคิดสร้างสรรค์ของกรุงเทพฯ แต่ขณะเดียวกันก็มีความสงบความเป็นส่วนตัวอย่างคาดไม่ถึง สามารถเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกสบาย และใกล้สถานที่สำคัญๆมากมาย ทั้งห้างสรรพสินค้า, โรงเรียน, โรงพยาบาล, สวนสาธารณะ และสถานีรถไฟฟ้า

...

จริงไหมอสังหาฯชั้นยอดคือผลงานศิลปะที่มีมูลค่าเพิ่มตามกาลเวลา

อสังหาฯชั้นยอด ถ้าให้เทียบก็เหมือนงานศิลปะชั้นดีที่มีมูลค่าเพิ่มในตัวเองระยะยาว เมื่อเป็นที่ต้องการราคาจะขึ้นไปตามหลักดีมานด์ซัพพลาย โครงการต่างๆที่เป็นระดับแลนด์มาร์กทั่วโลก จะเห็นว่าทุกที่ให้ความสำคัญกับวัสดุ, ความประณีตของงานฝีมือในการออกแบบตกแต่ง, ขนาดห้องที่ใหญ่ มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ดัง และการออกแบบโดยดีไซเนอร์ระดับโลก โครงการ “สโคป หลังสวน” ให้ความสำคัญอย่างมากกับ “Finest Design” การออกแบบที่พิถีพิถัน ต้องได้มาตรฐานระดับอินเตอร์เนชันแนลเท่านั้น ทั้งเรื่องความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งาน จึงร่วมมือกับดีไซเนอร์ระดับโลกอย่าง “โทมัส ยูล-ฮานเซน” ซึ่งออกแบบเพนต์เฮาส์เจ้าของสถิติราคาแพงที่สุดในนิวยอร์ก เมื่อปี 2015 ราคา 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอพาร์ตเมนต์ที่แพงที่สุดในลอนดอน ราคา 61 ล้านปอนด์ โดยเขาร่วมเป็นที่ปรึกษาในการออกแบบตกแต่งภายในโครงการของเรา ทั้งพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่อยู่อาศัยแบบ Fully Furnished ทุกยูนิต เพื่อทำให้ “สโคป หลังสวน” กลายเป็นผลงานศิลปะที่จะเพิ่มมูลค่าขึ้นตามกาลเวลา ทั้งโครงการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ระดับโลกที่ดีไซเนอร์คัดสรรเอง อาทิ “Vladimir Kagan” แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ขวัญใจซุปตาร์ฮอลลีวูด และ “CINEAK” แบรนด์สวิส ที่สร้างโรงหนังส่วนตัวที่ดีที่สุดในโลก

“สโคป หลังสวน” ยังมีขุมทรัพย์อะไรซ่อนอยู่อีก

เพราะเราเข้าใจถึงพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ที่มีความประณีตพิถีพิถัน จึงนำเสนอบริการและสาธารณูปโภคที่แตกต่างเหนือความคาดหมาย ไม่ว่าจะเป็นห้องซ้อมดนตรีสำหรับลูกบ้าน คุณภาพเดียวกับห้องอัดเสียง, โรงหนังส่วนตัวสุดเอกซ์คลูซีฟ, สปาส่วนตัว, ออนเซน, ฟิตเนสมาตรฐานโลกจากแบรนด์ Technogym & Woodway, บริการผู้ช่วยส่วนตัว 24 ชั่วโมง, ห้องจัดเลี้ยงส่วนตัว พร้อมอุปกรณ์ชุดครัวแบบเวิลด์คลาส และบริการไวน์เซลลาร์สำหรับลูกบ้าน นอกจากนี้ยังมีบริการพิเศษ พนักงานนิติบุคคลให้บริการ 24 ชั่วโมง, แม่บ้านทำความสะอาด 3 ครั้งต่อสัปดาห์, บริการจอดรถ Valet Service 24 ชั่วโมง และบริการพนักงานช่วยขนสัมภาระ 24 ชั่วโมง ที่ขาดไม่ได้คือ “Finest Privacy” ความเป็นส่วนตัวอย่างสูงสุด เพื่อสร้างสังคมคุณภาพ ทุกยูนิตเข้าถึงได้ด้วยลิฟต์ส่วนตัว

อนาคตของ “สโคป” จะเติบโตไปในทิศทางไหน

ผมอยากเห็น “สโคป” เติบโตเป็น “Lifestyle Company” ที่เด็กรุ่นใหม่อยากเข้ามาทำงาน และอยากยกระดับสิ่งที่เป็นจุดแข็งของเราอยู่แล้วให้ยอดเยี่ยมขึ้นอีก เช่น การเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจความต้องการของลูกค้าในการอยู่อาศัยและใช้ชีวิต เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มอินเตอร์เนชันแนล พรีเมียม ในอนาคต “สโคป” จะต้องซื้อที่ดินในทำเลที่ดี หรือร่วมลงทุนกับเจ้าของที่ดิน เพื่อพัฒนาโครงการเพิ่มเติม จึงจะสามารถสร้างการเติบโตให้บริษัท โดยโครงการในอนาคตยังคงเป็นโครงการระดับอินเตอร์เนชันแนล พรีเมียม ในทําเลที่เป็นที่ปรารถนาของลูกค้า นอกเหนือจากพัฒนาโครงการต่อเนื่อง บริษัทยังจะเปิดตัวธุรกิจดูแลบริหารจัดการด้านฮอสพิทัลลิตี ที่มากกว่าการพัฒนาโครงการอสังหาฯเท่านั้น เพื่อตอกย้ำว่าเราเป็นบริษัทไลฟ์สไตล์ ที่ไม่ได้พัฒนาเพียงพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัย แต่พัฒนาประสบการณ์การใช้ชีวิตที่เหนือระดับด้วย วันนี้ผมกำลังพัฒนาที่ดินแปลงที่มีคุณภาพ และคาดว่าจะสร้างความตื่นเต้นให้กับวงการนี้อีกหลายโครงการ

อะไรคือทักษะสำคัญเอาตัวรอดในโลกยุคดิสรัปชัน

สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมคือ การดูแลทุกคนให้ดี ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน, ลูกค้า, พาร์ตเนอร์ธุรกิจ, ซัพพลายเออร์ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะผมเชื่อมั่นมาตลอดการทำธุรกิจว่าไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงเช่นไร สินค้าที่ขายได้เสมอคือ สินค้าที่มีคุณภาพสูง และผลิตด้วยความตั้งใจ ดังนั้นจึงต้องบาลานซ์ทุกอย่างให้ลงตัว เพื่อให้มีแรงขับเคลื่อนที่ดีในการสร้างผลงานคุณภาพ อีกอย่างคือต้องเตรียมพร้อมเสมอ ไม่ตื่นเต้นกับโอกาสจนติดลม หรือไม่ระวัง ขณะเดียวกันก็ไม่ตื่นตระหนกกับวิกฤติ ผมเชื่อว่า ถ้าเรามีทีมงานที่มีความสามารถ, มีความแข็งแกร่ง และโฟกัสไปที่จุดมุ่งหมายในทิศทางเดียวกันทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้.

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่