บางคนอาจประสบปัญหาริมฝีบาง ริมฝีปากหนา ดูไม่เป็นทรงสวยงามเหมือนกับนางแบบเครื่องสำอางลิปสติก ดังนั้น การทำปากกระจับจึงถือเป็นหัตถการที่จะมาช่วยแก้ปัญหานี้ได้ ซึ่งการทำปากกระจับนั้นเราคุ้นหูกันมานานแล้ว และในปัจจุบันนี้ยังน่าทำอยู่ไหม เทรนด์ปากกระจับได้เปลี่ยนไปหรือยัง หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้
ทำปากกระจับ คืออะไร
การทำปากกระจับ คือ หัตถการเสริมความงามที่มีการปรับแต่งรูปทรงของริมฝีปากของเราให้มีลักษณะคล้ายกับกระจับ เน้นไปที่ริมฝีปากบนเป็นพิเศษ เพราะจะถูกทำให้มีรูปทรงโค้งเว้าแบบธรรมชาติ ทำให้ริมฝีปากดูออกมาได้รูปทรงที่สวยงามมากขึ้น น่าจุ๊บ ถ่ายรูปแล้วดูดีขึ้นเป็นอย่างมาก
ทำปากกระจับ มีกี่วิธี
การทำปากกระจับมีอยู่ 2 วิธีหลัก ๆ ดังนี้
1. การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ : เป็นการฉีดสารเติมเต็มที่ประกอบด้วยกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) เข้าไปบริเวณริมฝีปาก ก่อนแพทย์จะทำการปรับแต่งรูปทรงให้เป็นกระจับตามที่ต้องการ
2. การผ่าตัดทำปากกระจับ : เป็นวิธีการที่ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดตกแต่งเนื้อริมฝีปากให้ได้รูปทรงกระจับตามที่ต้องการ ก่อนเย็บปิดแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
ทำปากกระจับด้วยฟิลเลอร์กับการผ่าตัดเล็ก ต่างกันอย่างไร
การทำปากกระจับด้วยฟิลเลอร์และการผ่าตัดเล็ก มีความแตกต่างกันหลายด้านทั้งในเรื่องวิธีการทำ ระยะเวลาการเห็นผล โดยมีรายละเอียดของความแตกต่าง ดังนี้
1. การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ
- วิธีการทำหัตถการเป็นการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปบริเวณริมฝีปากเพื่อปรับรูปทรงให้เป็นกระจับตามที่ต้องการ
- สารเติมเต็มที่ใช้สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ทำให้ไม่สามารถคงผลลัพธ์ได้ถาวรอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือนเท่านั้น
- หลังทำหัตถการไม่จำเป็นต้องพักฟื้น เพียงแต่ต้องมีการดูแลหลังทำเล็กน้อยเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิด
- หากไม่พอใจในผลลัพธ์สามารถแก้ไขได้ง่าย เพียงฉีดสารสลายฟิลเลอร์หรือรอให้สลายเองตามธรรมชาติ แล้วปรับแก้ใหม่ในภายหลัง
ราคาในการทำหัตถการต่อครั้งถูกกว่าเมื่อเทียบกับการผ่าตัดทำปากกระจับ
2. การผ่าตัดทำปากกระจับ
- เป็นหัตถการที่ทำโดยศัลยแพทย์ ใช้วิธีผ่าตัดเล็กตกแต่งบริเวณริมฝีปากและเย็บปิดแผลให้ริมฝีปากมีรูปทรงกระจับตามที่ต้องการ
- เนื่องจากเป็นการผ่าตัดจึงให้ผลลัพธ์แบบถาวร
- หลังผ่าตัดทำปากกระจับจำเป็นต้องมีการพักฟื้นเนื่องจากจะมีผลข้างเคียงเป็นอาการบวม ช้ำ ตึงริมฝีปากตามมาได้
- หากไม่พอใจในผลลัพธ์จะแก้ไขได้ยากกว่าการทำฟิลเลอร์ อาจจะต้องทำการผ่าตัดใหม่ เป็นขั้นตอนใหญ่ยุ่งยากกว่าเดิม
- สำหรับราคาก็จะแพงกว่าเมื่อเทียบกับการฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ
ใครที่เหมาะกับการทำปากกระจับ
- คนที่มีริมฝีปากใหญ่หรือหนาเกินไป
- คนที่มีริมฝีปากบางเกินไป
- คนที่ต้องการปรับรูปทรงริมฝีปากให้สวยงาม ดูเป็นกระจับธรรมชาติ
- คนที่ริมฝีปากทั้งสองข้างไม่สมดุล
ลักษณะริมฝีปากแบบไหนทำปากกระจับได้
ลักษณะของริมฝีปากที่สามารถทำปากกระจับได้มีอยู่หลายแบบ ดังนี้
1. ลักษณะริมฝีปากหนาเกินไป : คนที่มีริมฝีปากบนหรือริมฝีปากล่างหนามากจนดูไม่สมส่วนกับใบหน้า สามารถทำปากกระจับเพื่อลดความหนาของริมฝีปากได้ ซึ่งจะทำให้ริมฝีปากดูบางและมีรูปทรงที่ชัดเจนขึ้น
2. ลักษณะริมฝีปากไม่ได้รูปทรงชัดเจน : ริมฝีปากบางคนอาจไม่มีความโค้งเว้าหรือไม่ได้รูปทรงที่ชัดเจน ส่วนมากมักเกิดขึ้นกับบริเวณริมฝีปากบน การทำปากกระจับจึงสามารถช่วยปรับรูปทรงริมฝีปากบนให้มีความโค้งเว้าและดูเป็นธรรมชาติขึ้นได้
3. ลักษณะริมฝีปากไม่สมดุล : คนที่มีริมฝีปากสองข้างไม่เท่ากัน เช่น ข้างหนึ่งหนา อีกข้างหนึ่งบาง หรือริมฝีปากบนกับริมฝีปากล่างไม่เท่ากัน การทำปากกระจับจะสามารถช่วยปรับรูปทรงให้ริมฝีปากดูมีความสมดุลมากขึ้น
4. ลักษณะริมฝีปากใหญ่หรือหนา แต่ต้องการรูปทรงกระจับที่ชัดเจน : คนที่มีริมฝีปากขนาดใหญ่แต่ต้องการให้ริมฝีปากบนมีลักษณะเว้าเป็นกระจับ ก็สามารถทำการตกแต่งริมฝีปากเพื่อให้ได้รูปทรงดูเป็นกระจับที่สวยงาม
5. ลักษณะริมฝีปากบาง แต่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มให้รูปทรงดูชัดเจน : สำหรับคนที่มีริมฝีปากบางและต้องการเพิ่มวอลลุ่มให้ดูชัดเจนโดยเฉพาะกับบริเวณริมฝีปากบน ก็สามารถทำปากกระจับให้ริมฝีปากดูเต็มอิ่มและเป็นทรงชัดเจนมากขึ้น
6. คนที่ต้องการลดความหย่อนคล้อยของริมฝีปาก : คนที่เริ่มมีปัญหาริมฝีปากหย่อนคล้อยตามอายุ ก็สามารถทำปากกระจับช่วยยกกระชับและปรับรูปทรงให้ดูเป็นกระจับสวยงาม
ปากกระจับมีทั้งหมดกี่ทรง
โดยทั่วไปแล้วการทำปากกระจับจะมีรูปทรงฮิต ๆ อยู่ 3 ทรง ดังนี้
1. ทรงปากกระจับแบบ Classic Cupid's Bow
ทรงนี้เป็นทรงที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เน้นความโค้งเว้าของริมฝีปากบนอย่างชัดเจน มีความเว้าตรงกลางริมฝีปากบนคล้ายกับรูปกระจับหรือโค้งคันธนู เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการริมฝีปากที่ดูโดดเด่นและมีลักษณะที่คมชัดเป็นเอกลักษณ์
2. ทรงปากกระจับแบบ Natural Cupid's Bow
ทรงนี้จะมีความโค้งเว้าน้อยกว่าแบบ Classic Cupid's Bow แต่ยังคงความเป็นกระจับที่สวยงาม โดยจะเป็นทรงที่เน้นความเรียบเนียนและสมดุลให้เข้ากับใบหน้า เหมาะกับคนที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ ไม่ดูโดดเด่นจนเกินไป และต้องการให้ริมฝีปากดูสมดุลกับส่วนอื่น ๆ ของใบหน้าด้วย
3. ทรงปากกระจับแบบ Full Lips with Cupid's Bow
ทรงนี้จะเน้นความอวบอิ่มของริมฝีปากล่างคู่กับการทำกระจับที่ริมฝีปากบน มีการปรับแต่งริมฝีปากล่างให้ดูเต็มมากขึ้น พร้อมกับมีความโค้งเว้าของกระจับริมฝีปากบนเล็กน้อย เหมาะกับคนที่ต้องการริมฝีปากที่ดูมีวอลลุ่มและเซ็กซี่แบบสายฝอ
ขั้นตอนการทำปากกระจับ มีอะไรบ้าง เป็นยังไง
1. ผู้เข้ารับบริการจะต้องทำการปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อเข้ารับการประเมินลักษณะริมฝีปากว่าสามารถทำได้หรือไม่ หากผ่านแล้วก็จะเป็นการตกลงเลือกรูปทรงปากกระจับที่ต้องการ
2. ผู้เข้ารับบริการจะถูกทำความสะอาดบริเวณริมฝีปากเพื่อป้องกันการติดเชื้อ จากนั้นจะมีการใช้ยาชาเพื่อป้องกันอาการเจ็บในระหว่างที่ทำปากกระจับ
3. แพทย์จะเริ่มขั้นตอนการทำปากกระจับ ตกแต่งรูปทรงริมฝีปาก ให้ผู้เข้ารับบริการด้วยวิธีและรูปทรงต่าง ๆ ตามที่ตกลงกันไว้
4. เมื่อเสร็จสิ้นการทำปากกระจับแพทย์จะทำการตรวจเช็กผลลัพธ์ว่าออกมาตามที่วางแผนไว้หรือไม่ หากต้องมีการแก้ไขก็จะสามารถทำได้ทันที
หลังทำปากกระจับควรดูแลยังไง
สำหรับขั้นตอนการดูแลริมฝีปากหลังทำปากกระจับเพื่อป้องกันผลข้างเคียงการติดเชื้อ ก็สามารถทำได้ ดังนี้
- หากหลังทำริมฝีปากเกิดอาการบวมแนะนำให้ทำการประคบเย็นจนกว่าอาการจะดีขึ้น
- หากได้รับการผ่าตัดควรทำความสะอาดและดูแลแผลอย่างเคร่งครัด
- งดการใช้ลิปสติกหรือผลิตภัณฑ์สำหรับริมฝีปากก่อนในช่วงแรก
- งดการขยับบริเวณปากที่มากเกินไป
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารร้อนจัด เผ็ดจัด
- งดการดื่มแอลกอฮอล์
ปากกระจับยังน่าทำอยู่ไหมในปัจจุบัน
ณ ปัจจุบันการทำปากกระจับก็ยังคงได้รับความนิยมและน่าทำอยู่ เนื่องจากความต้องการของคนที่อยากปรับแต่งรูปทรงริมฝีปากให้ดูสวยงามและมีเสน่ห์ก็ยังมีเยอะเพิ่มขึ้นอยู่ทุกวัน ประกอบกับกระแสจากโซเชียลมีเดียที่ยังคงเน้นเรื่องรูปลักษณ์ ทำให้การปากกระจับสามารถช่วยเสริมลุคให้ดูโดดเด่นเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเองได้มากขึ้น
เลือกทำปากกระจับที่ไหนให้ปลอดภัย ป้องกันแผลหนอง
การเลือกสถานที่ทำปากกระจับให้ปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อป้องกันผลข้างเคียง เช่น การเกิดแผลติดเชื้อหรือแผลหนอง รวมถึงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ จึงควรเลือกสถานที่การทำปากกระจับ ดังนี้
1. เลือกคลินิกที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง : ผู้เข้ารับบริการควรตรวจสอบว่าคลินิกที่ทำปากกระจับได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายหรือไม่ เพื่อความมั่นใจในมาตรฐานความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้น
2. แพทย์ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ : ผู้เข้ารับบริการควรเลือกทำกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำปากกระจับ โดยสามารถขอดูใบประกอบวิชาชีพและรีวิวจากผู้ที่เคยทำมาก่อนเพื่อประกอบการตัดสินใจ
3. ตรวจสอบความสะอาดและมาตรฐานการฆ่าเชื้อ : ควรเลือกทำกับคลินิกที่มีการรักษามาตรฐานความสะอาดอย่างเคร่งครัด เพราะหากสถานที่หรือเครื่องมือที่ใช้ทำหัตถการไม่สะอาดก็อาจจะทำให้ติดเชื้อในภายหลังได้
4. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและได้รับการรับรอง : หากผู้เข้ารับบริการเลือกทำปากกระจับด้วยการฉีดฟิลเลอร์ก็ควรตรวจสอบได้ว่าทางคลินิกได้ใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพและได้รับการขึ้นทะเบียนจากอย. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาหลังการทำ
5. ดูแลหลังทำอย่างถูกต้อง : แพทย์ต้องให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังทำปากกระจับอย่างชัดเจน และก็ควรมีการติดตามผลหลังทำกับผู้รับบริการอย่างใกล้ชิดและมีการนัดหมายเพื่อตรวจเช็กความเรียบร้อยด้วย
6. รีวิวและผลลัพธ์จากผู้ใช้จริง : ผู้เข้ารับบริการควรดูรีวิวเยอะ ๆ โดยดูจากรีวิวรูปก่อน-หลังทำปากกระจับ หรือสอบถามจากผู้ที่มีประสบการณ์ตรง เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกสถานที่ทำได้
ทําปากกระจับกี่เดือนถึงเข้าที่
หลังทำปากกระจับโดยทั่วไปแล้วจะเข้าที่ไม่มีอาการบวม แดง เห็นรูปทรงริมฝีปากที่ชัดเจนเป็นธรรมชาติจะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 1-3 เดือน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าดูแลแผลหลังทำดีหรือไม่ ร่างกายฟื้นตัวได้ง่ายแค่ไหนอีกด้วย
ทำปากกระจับคลายตัวกี่เดือน
หากใครที่เข้ารับการทำปากกระจับด้วยฟิลเลอร์ก็จะพบกับการคลายตัวของสารเติมเต็มซึ่งถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ทำให้หลังทำปากกระจับจะเริ่มเกิดความคลายตัวตั้งแต่ประมาณเดือนที่ 6 ขึ้นไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับชนิดฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ รวมไปถึงการดูแลริมฝีปากของแต่ละคนด้วย
ทำปากกระจับแล้วจะได้ผลตามที่ต้องการหรือไม่
ผลลัพธ์ของการทำปากกระจับนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมาก ไม่ว่าจะเป็น ความชำนาญของแพทย์, รูปทรงริมฝีปากเดิมของผู้เข้ารับบริการ, ความเหมาะสมของวิธีการทำ ดังนั้น ถ้าหากอย่างผลลัพธ์ที่ชัดเจนเป็นไปตามที่ตนเองต้องการ ก็ควรปรึกษาแพทย์ตกลงเรื่องความต้องการอย่างชัดเจน และทำความเข้าใจถึงเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น
คำถามที่พบบ่อย
- ทําปากกระจับกี่วันหาย
คำตอบ : หลังทำปากกระจับอาจเกิดผลข้างเคียงบวม แดง ขยับริมฝีปากลำบาก และจะเริ่มหายดีเป็นปกติหลังจากผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ โดยหากเลือกทำปากกระจับด้วยการฉีดฟิลเลอร์ก็จะหายเร็วกว่าการผ่าตัด
- ทำปากกระจับกี่วันนอนตะแคงได้
คำตอบ : หลังทำปากกระจับสามารถกลับมานอนตะแคงได้หลังจากพ้น 1-2 สัปดาห์แรก เนื่องจากจะเป็นป้องกันอาการบวม การกระทบกระเทือนที่แผล ซึ่งช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- ทำปากกระจับมาห้ามกินอะไรบ้าง
คำตอบ : หลังทำปากกระจับมาควรหลีกเลี่ยงการกินของเผ็ดหรือของร้อนออกไปก่อนในช่วงแรก เน้นกินอาหารอ่อน ๆ จะได้ไม่กระทบกระเทือนริมฝีปาก
- ทำปากกระจับ ทาลิปมันได้ไหม
คำตอบ : หลังทำปากกระจับยังไม่สามารถทาลิปมันได้ในช่วง 2-3 วันแรก หรือจนกว่าแผลจะหายและอาการบวมลดลง เนื่องจากต้องหลีกเลี่ยงอาการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้
- ทําปากกระจับเจ็บกี่วัน
คำตอบ : หลังทำปากกระจับอาจจะรู้สึกเจ็บในช่วง 3-7 วันแรก หากเป็นการฉีดฟิลเลอร์ก็จะเจ็บน้อยกว่าการผ่าตัดและหายเจ็บเร็วกว่า ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนด้วย
สรุป
การทำปากกระจับก็ยังคงเป็นเทรนด์ความสวยความงามที่ยังไม่เลือนหายไปจากความนิยมของผู้คน เพราะปัจจุบันในเรื่องของรูปลักษณ์แม้กระทั่งกับบนริมฝีปากเองก็มีคนที่ต้องการปรับแต่งออกมาให้ดูสวยงามมากขึ้นอยู่เสมอ ดังนั้น หากเราตัดสินใจจะเลือกทำปากกระจับแล้ว ก็ควรเลือก สถานพยาบาลที่ได้รับการขึ้นทะเบียน มีมาตรฐาน มีแพทย์เฉพาะทางประจำการ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับ อย. มีรีวิวชัดเจน สะอาด ปลอดภัย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ อย่างไรก็ตามการทำหัตถการย่อมมีความเสี่ยง และผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล