จากการย้อนวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รายงานในวารสารสมาคมแพทย์อเมริกันในปี 2023 ในผู้ป่วยที่ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลทหารที่ไม่ได้ประจำการ US Veterans Administration ในช่วงระหว่างฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูหนาวของปี 2022 และ 2023
พบว่า ผู้ป่วยที่เข้าโรงพยาบาลเพราะไข้หวัดใหญ่ หรือเพราะโควิด โดยมีสัดส่วนของการฉีดวัคซีนทั้งสองชนิดพอๆกัน ตาม propensity score weighting คือ 55.43% สำหรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และ 54.54% สำหรับวัคซีนโควิด ตามข้อมูลในวารสารสมาคมแพทย์อเมริกันกล่าวว่า วัคซีนโควิดนั้นมีประสิทธิภาพ 90% และวัคซีนไข้หวัดใหญ่นั้นมีประสิทธิภาพ 50% ในการป้องกันไม่ให้เข้าโรงพยาบาลได้
ดังนั้น จำนวนของผู้ป่วยที่เข้าโรงพยาบาลที่เกิดจากแต่ละโรคนั้นควรจะต่างกันชัดเจน ผลปรากฏว่าคนที่เข้าโรงพยาบาลจากโควิด จากทั้งหมด 8,996 ราย ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดแล้วถึง 79.27% ไม่ได้รับ 20.73% โดยยังได้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 36.16% และถ้าวัคซีนโควิดมีประสิทธิภาพจริง ที่สามารถป้องกันคนจากการเข้าโรงพยาบาลจากโควิด 90% ควรจะมีคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด 69.96% แทนที่จะเป็น 20.73%
คนที่เข้าโรงพยาบาลจากไข้หวัดใหญ่ในจำนวน 2,403 ราย ได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 61.88% และไม่ได้รับ 38.12% และได้รับวัคซีนโควิด 81.11% และถ้าวัคซีนไข้หวัดใหญ่มีประสิทธิภาพตามที่กำหนดที่ป้องกันไม่ให้เข้าโรงพยาบาล คือ 50% จำนวนคนที่เข้าโรงพยาบาลเพราะไข้หวัดใหญ่ ควรจะไม่ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 53.11% แต่โดยที่ความเป็นจริงไม่ได้รับ 38.12%
Colostrum (โคลอสตรุ้ม) เป็นของเหลวที่จะหลั่งจากเต้านมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม หลังจากคลอดลูกประมาณ 48-73 ชั่วโมง มีสารอาหารสูงกว่าน้ำนมทั่วไป และมีประโยชน์ในการป้องกันโรค ทั้งนี้ มีสารที่มีประโยชน์ในเรื่องการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันตลอดจนการต่อสู้เชื้อโรคในระบบเม็ดเลือดขาว จากการที่มีสารแลกโตเฟอริน แลกโตเปอรอกซิเดส และอิมมูโนกลอบูลิน และอื่นๆ ที่สามารถขัดขวางไข้หวัดใหญ่ทางระบบทางเดินหายใจและที่แทรกซึมเข้ามาในระบบทางเดินอาหาร
...
รายงานจากประเทศอิตาลี ในวารสาร clinical and applied thrombosis/hemostasis ปี 2007 พบว่าในคนที่แข็งแรงโดยที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเลย และกลุ่มที่ฉีดวัคซีนและกินหัวน้ำนม กับกลุ่มสุดท้ายที่กินหัวน้ำนมเท่านั้น เป็นเวลาสองเดือน และทำการติดตามต่อไปอีกสามเดือน ปรากฏว่า กลุ่มที่กินหัวน้ำนมกับกลุ่มที่กินหัวน้ำนมและได้รับวัคซีนเป็นไข้หวัดใหญ่เท่ากัน แต่ยังเป็นน้อยกว่ากลุ่มที่ได้รับวัคซีนอย่างเดียวถึงสามเท่า ทั้งจำนวนครั้งที่เป็นและระยะเวลาที่เป็นจนกระทั่งถึงหาย นอก จากนั้นยังได้พบว่าในกลุ่มที่เปราะบางมีความเสี่ยงสูงของโรคหัวใจและเส้นเลือด กลุ่มที่ได้หัวน้ำนม และกลุ่มที่ได้หัวน้ำนมและวัคซีน เข้าโรงพยาบาลน้อยกว่ากลุ่มที่ได้วัคซีนอย่างเดียว จำนวนประชากรที่ไม่มีโรคประจำตัวอายุ 30 ถึง 80 ปี เป็นจำนวน 144 ราย และประชากรที่เปราะบางอีก 65 ราย
รายงานนี้ควรหรือไม่ที่อาจจะลองพิจารณาปฏิบัติด้วย ทั้งนี้เพราะหัวน้ำนมใช้ในปริมาณไม่มาก ในแต่ละวัน คือ 400 มก. นอกจากนั้นวัคซีนไข้หวัดใหญ่อาจเกิดผลข้างเคียงต่อได้ในลักษณะไข้ปวดเมื่อยได้หลายวัน หรือผลกระทบอย่างอื่นที่มากขึ้นแม้จะไม่รุนแรงเท่าวัคซีนโควิดก็ตาม.
หมอดื้อ
คลิกอ่านคอลัมน์ "สุขภาพหรรษา" เพิ่มเติม