คนไทยป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจประมาณเกือบ 5 แสนคน ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (World Health Organization-WHO) ระบุว่า โรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโลก โดยในเอเชียพบจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้มากที่สุดถึง 58% ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดจากทั่วโลก หรือราว 10.8 ล้านคน สำหรับประเทศไทยพบการเสียชีวิตของคนไทยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดเฉลี่ยชั่วโมงละ 8 คน หรือประมาณ 7 หมื่นรายต่อปี โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี

ภาวะ...หินปูนเกาะผนังหลอดเลือดหัวใจ ที่เรียกว่าหลอดเลือดหัวใจอุดตัน (coronary artery occlusion) เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเสียชีวิตฉับพลันของคนไทย เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การเสื่อมโดยธรรมชาติของแคลเซียมในร่างกาย ที่สะสมจนกลายเป็นก้อนแข็ง หรือเกิดจากกลไกของร่างกายสร้างแคลเซียมมาป้องกันบริเวณที่เกิดการอักเสบ นอกจากนี้ยังอาจแฝงตัวมากับคราบไขมันที่เกาะติดบริเวณหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนเลือดไปสู่หัวใจลดน้อยลง

ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป การใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ ทานอาหารแบบเร็วๆ อาหารที่มีไขมันสูง ปาร์ตี้บ่อย สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนน้อย พฤติกรรมที่ว่านี้เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดหลอดเลือดเสื่อมและตีบตันได้ง่าย

...

โรคหลอดเลือดหัวใจเป็นโรคหัวใจที่พบบ่อยที่สุดในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เกิดจากการบริโภคไขมันที่มากเกินไปจนร่างกายไม่สามารถนำไปใช้ได้หมด ทำให้เหลือค้างอยู่ในกระแสเลือด โดยเฉพาะไขมันเสียที่มีความหนาแน่นต่ำ (Small LDL) หรือที่เรียกว่า “ไขมันเลว” รวมไปถึงไขมันทรานส์ (Trans Fat) ที่พบได้ในกลุ่มเบเกอรี มาการีน ครีมเทียม อาหารจานด่วนที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ เมื่อคอเลสเทอรอลตกค้างอยู่ในกระแสเลือดมีปริมาณมาก ร่างกายก็ต้องกำจัดไขมันเหล่านั้นออก ด้วยการส่งเม็ดเลือดขาวเข้าไปทำลายโมเลกุลของไขมันนั้น ทำให้เกิดการสะสมของไขมันอยู่ตามผนังหลอดเลือด ที่โดยปกติหลอดเลือดของคนทั่วไปจะมีสีแดง เลือดสามารถไหลเวียนได้ดี แต่เมื่อมีไขมันไปเกาะมากๆ ผนังหลอดเลือดก็จะกลายเป็นสีเหลือง กลไกของร่างกายก็พยายามที่จะเอาเนื้อเยื่อเกี่ยวพันเข้าไปหุ้มคราบไขมันที่สร้างความระคายเคืองให้หลอดเลือดเหล่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้หลอดเลือดปริ แตก เปรียบเสมือนสะเก็ดแผล เวลาเกิดแผลร่างกายก็จะมีการสมาน แต่การสมานแผลของหลอดเลือด ร่างกายจะใช้วิธีการนำหินปูนเข้าไปอุดรอยแตกเหล่านั้น ยิ่งมีไขมันมากหลอดเลือดก็ระคายเคืองมาก จึงเกิดเป็นหินปูนในหลอดเลือดมากตามมา

เมื่อเกิดหินปูนในหลอดเลือด หลอดเลือดจะไม่ได้เกิดการตีบตันในทันที แต่ร่างกายจะตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมด้วยการโป่งพองออกจนสุด (positive remodeling) ก่อนที่จะย่นเข้ามาแล้วตีบตันในที่สุด ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาเป็น 10 ปีกว่าจะเริ่มตีบตัน ฉะนั้นคนส่วนใหญ่กว่าจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อหลอดเลือดตีบตันไปมากและแสดงอาการ ในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดอาจรู้ก็ต่อเมื่อหัวใจวายเฉียบพลันไปแล้วนั่นเอง

...

และอย่างที่บอก ภาวะหินปูนเกาะผนังหลอดเลือดไม่มีอาการแสดง กว่าจะรู้ก็เมื่อร่างกายทนไม่ไหวและอาการรุนแรงถึงขั้นหัวใจวาย สิ่งสำคัญที่สุดคือ การป้องกันไม่ให้เกิดหินปูนมากเกินไปจนไปเกาะที่ผนังหลอดเลือด ซึ่งสามารถทำได้โดยการควบคุมคอเลสเทอรอล ลดการนำไขมัน LDL เข้าร่างกาย และเพิ่มไขมัน HDL ซึ่งมีส่วนช่วยในการขจัดไขมันไม่ดีออกจากหลอดเลือด และยังมีส่วนในการยับยั้งการเกิดออกซิเดชัน การอักเสบ และการแข็งตัวของเลือด ซึ่งก็จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงเป็นหลอดเลือดหัวใจตีบตันได้

นอกจากนี้ การตรวจร่างกายประจำปี หรือการตรวจหินปูนเกาะหลอดเลือดหัวใจเทคนิคการสแกนคอมพิวเตอร์ (Calcium Scoring, CT) ซึ่งเป็นการตรวจหาแคลเซียมหรือหินปูนที่หัวใจ ที่อาจเกาะอยู่ที่ผนังหลอดเลือด ลิ้นหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ก็จะช่วยป้องกันการเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันจากหินปูนที่เกาะผนังหลอดเลือดหัวใจได้อีกทางหนึ่ง.

คลิกอ่านคอลัมน์ “สมาร์ทไลฟ์” เพิ่มเติม

...