ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกรายงานล่าสุดว่า พบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า “FLiRT” ซึ่งกำลังจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักของโลก

FLiRT เป็นชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งกลายพันธุ์มาจากสายพันธุ์ JN.1 ซึ่งกลายพันธุ์มาอีกทีจากโอมิครอน (Omicron)

ทั้งนี้ มีข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์ ของสหรัฐฯ ระบุว่า กลุ่มสายพันธุ์ใหม่นี้มีการกลายพันธุ์สำคัญ 3 องค์ประกอบในส่วนโปรตีนหนาม (spike protein) ซึ่งช่วยให้พวกมันสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์ได้

อย่างไรก็ตาม แม้จะเริ่มมีการระบาดของ FLiRT แต่หน่วยงานความมั่นคงด้านสุขภาพของสหราชอาณาจักร (UK Health Security Agency) บอกว่า ยังจำเป็นต้องมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มสายพันธุ์ใหม่นี้ เพื่อทำความเข้าใจความรุนแรงและความยากง่ายในการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส หน่วยงานนี้เปิดเผยว่า ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างในเชิงความรุนแรงของอาการป่วย เมื่อเปรียบเทียบกับอาการที่เกิดขึ้นจากกลุ่มสายพันธุ์อื่นๆที่ยังคงพบในสหราชอาณาจักร

...

รายงานฉบับล่าสุดขององค์การอนามัยโลกที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการติดเชื้อระหว่างปลายเดือน เม.ย. จนถึงสิ้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยข้อมูลดังกล่าวมาจากประเทศต่างๆที่ส่งรายงานอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี ในบางประเทศพบว่ามีรายงานผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้น วารสารทางการแพทย์ของอังกฤษ (British Medical Journal) ระบุว่า ในช่วงระหว่างเดือน พ.ค. และ มิ.ย.ที่ผ่านมา พบจำนวนผู้ตรวจหาเชื้อโควิดแล้วมีผลเป็นบวกเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดกำลังเพิ่มขึ้นในหลายส่วนของทวีปยุโรปด้วยเช่นกัน ส่วนในสหรัฐฯ จำนวนคนที่ตรวจหาเชื้อโควิดแล้วได้ผลเป็นบวกก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 1.4% ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมิถุนายน

ตลอดปีที่ผ่านมา อัตราการติดเชื้อโควิดมีแนวโน้มขึ้นๆลงๆ และไม่มีความจำเป็นจะต้องกังวลใดๆ แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังคงจับตาเฝ้าระวังระดับการติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง

อาการจากสายพันธุ์ FLiRT โดยทั่วไป ไม่แตกต่างจากสายพันธุ์ก่อนหน้า องค์การอนามัยโลกระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อจะแสดงอาการใน 5-6 วัน หลังจากการสัมผัสเชื้อ และจะหายจากอาการดังกล่าวในระยะเวลา 1-14 วัน

โดยอาการที่พบได้มากที่สุด คือ มีไข้ หนาวสั่น เจ็บคอ ส่วนอาการปวดกล้ามเนื้อและรู้สึกหนักแขนหรือขา รู้สึกเพลียอย่างรุนแรง หรือเหนื่อยล้า น้ำมูกไหล หรือคัดจมูก หรือจาม ปวดที่ตา เวียนศีรษะ ไอเรื้อรัง แน่นหน้าอก หรือเจ็บที่หน้าอก หายใจไม่อิ่ม หรือหายใจไม่สะดวก เสียงแหบ รู้สึกชาหรือเสียวแปล๊บ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง หรือท้องร่วง สูญเสียการรับรส/ได้กลิ่น หรือการรับรส/ได้กลิ่นเปลี่ยนไป หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการนอน ที่เคยเป็นอาการปกติของการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดิมๆ กลับมีน้อยลงในอาการของการติดเชื้อ FLiRT

อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า ผู้ที่มีอาการหายใจลำบาก โดยเฉพาะในช่วงการพักผ่อน หรือไม่สามารถพูดเป็นประโยคได้ รู้สึกสับสน ง่วงนอน หรือหมดสติ เจ็บหรือรู้สึกอึดอัดที่อกอย่างต่อเนื่อง ผิวหนังเย็น ชื้น หรือซีด หรือดูคล้ำลง สูญเสียการพูดหรือการเคลื่อนไหว ต้องรีบพบแพทย์โดยทันที

...

ดร.แอรอน แกลตต์ หัวหน้าแผนกโรคติดเชื้อจากโรงพยาบาลเมาท์ ไซนาย เซาท์ นัสเซา ในเมืองโอเชียนไซด์ รัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ และโฆษกสมาคมแพทย์โรคติดเชื้ออเมริกา (Infectious Disease Society of America-IDSA) ระบุว่า วัคซีนในปัจจุบันยังคงมีประโยชน์บางประการในการต่อต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่

นับตั้งแต่ปี 2022 หน่วยงานกำกับด้านสาธารณสุขได้เรียกร้องให้บรรดาผู้ผลิตวัคซีนคิดค้นวัคซีนต้านเชื้อโควิด-19 รุ่นใหม่ ๆ เพื่อให้สามารถต่อกรกับสายพันธุ์ที่ยังคงหมุนเวียนแพร่ระบาดอยู่ได้

อย่างไรก็ดี หน่วยงานกำกับด้านสาธารณสุขในสหรัฐฯเรียกร้องให้มีการผลิตวัคซีนที่พุ่งเป้าไปยังสายพันธุ์ที่อยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ JN.1 ด้วย แต่ต้องเน้นไปที่สายพันธุ์ย่อย KP.2 แทน ซึ่งถือเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา.

คลิกอ่านคอลัมน์ “สมาร์ทไลฟ์” เพิ่มเติม