“ภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้” เป็นภาวะการทำงานของสมองที่ผิดปกติ ส่งผลกระทบให้เกิดความยากลำบากในการเรียน ไม่ว่าจะเป็นด้านการอ่าน การเขียน หรือด้านการคำนวณ โดยไม่ได้เกิดจากสติปัญญา ความไม่ตั้งใจ หรือความไม่ขยันของเด็ก

สาเหตุของภาวะนี้เกิดจากการทำงานของสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเรียนทำงานผิดปกติไป โดยพบว่าปัจจัยเสี่ยงของโรค คือ มีคนในครอบครัวเป็นมาก่อน การได้รับการบาดเจ็บที่สมอง หรือมีโรคร่วมอื่นๆ ที่เกี่ยวกับความผิดปกติของสมอง ซึ่งในปัจจุบันไม่สามารถสรุปได้ว่าเกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งเพียงอย่างเดียว

อาการ

อาการแสดงจะแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงวัยตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงประถมต้น แบ่งออกเป็นกลุ่มอาการตามความบกพร่องที่เป็น เช่น ในด้านการสะกดคำ เริ่มแสดงให้เห็นจากการจดจำตัวอักษรไม่ได้ แยกแยะเสียงตัวอักษรไม่ได้ หรือไม่เข้าใจคำคล้องจอง

ในด้านการเขียน จะเป็นปัญหาของการกะระยะ ไม่สามารถเขียนหนังสืออยู่บนเส้นบรรทัด หรือเว้นช่องไฟให้ถูกต้องได้ ไม่สามารถจดจำ หรือแยกแยะตัวอักษรที่มีความแตกต่างกันเล็กน้อยได้

ในด้านการคำนวณ เริ่มแสดงให้เห็นจากการไม่เข้าใจจำนวน ไม่สามารถกะปริมาณ กะจำนวน หรือเปรียบเทียบมากกว่าน้อยกว่าได้ ไม่สามารถเข้าใจเส้นจำนวน หรือการกะระยะได้

อาการเหล่านี้อาจจะเริ่มแสดงให้เห็นตั้งแต่ช่วงอนุบาล และดำเนินต่อไปจนถึงช่วงประถม ซึ่งเมื่อถึงการเรียนในช่วงประถมก็จะยากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เด็กกลุ่มนี้มีความยากลำบากในการเรียน และมีผลการเรียนที่ไม่สัมฤทธิผลเท่าไรนัก

อันตรายและภาวะแทรกซ้อน

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นในเด็กกลุ่มนี้ เมื่อมีผลการเรียนไม่ดี ก็มักจะได้รับคำตำหนิจากคุณครูและผู้ใหญ่รอบตัว ถูกมองว่าเป็นเด็กที่ไม่ขยัน ไม่ตั้งใจ ทำให้ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง สูญเสียการยอมรับจากผู้ใหญ่ หรือคนใกล้ชิด ซึ่งก็นำไปสู่ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล หรือภาวะทางสุขภาพจิตอื่นๆ ในช่วงวัยรุ่นได้ ซึ่งการไม่ได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสมในวัยเด็ก ก็จะสัมพันธ์กับสุขภาพจิตในระยะยาว การประสบความสำเร็จทางการเรียนและการงานไปจนถึงวัยผู้ใหญ่

...

การวินิจฉัย

หากคุณครู หรือผู้ปกครองสังเกตเห็นความยากลำบากในการเรียนของเด็ก ก็แนะนำให้พามาเข้ารับการตรวจประเมินที่โรงพยาบาล โดยแพทย์ก็จะซักประวัติ ตรวจร่างกายและประเมิน ซึ่งแพทย์จะมีเครื่องมือประเมินในเรื่องทักษะของการเรียน ไม่ว่าจะเป็นด้านการอ่าน การเขียน การใช้กล้ามเนื้อมือ หรือการคำนวณกะระยะต่างๆ เพื่อที่จะเอามาประเมินว่าตัวเด็กมีความยากลำบากในด้านใดบ้าง ซึ่งคุณครูและผู้ปกครองจะสามารถช่วยเหลือเด็กได้ตรงจุดมากขึ้น นอกจากนี้การพามาตรวจประเมินที่โรงพยาบาลยังช่วยให้ได้ประเมินโรคร่วมต่างๆ เนื่องจากภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้ มักตรวจพบร่วมกับโรคอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นภาวะสมาธิสั้น ภาวะทางอารมณ์ ปัญหาอื่นๆ ทางพัฒนาการและอารมณ์

การรักษา มีดังนี้

1. ให้ความรู้ ทั้งตัวเด็กเองและตัวผู้ปกครอง เพราะเด็กหลายๆ คนที่มีภาวะบกพร่องทางการเรียน มักจะรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่ง หรือโง่ หรือได้รับคำตำหนิจากคนอื่นจำนวนมาก จึงต้องทำให้เด็กเข้าใจก่อนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เขาโง่ หรือเขาไม่ตั้งใจ แต่เกิดจากการทำงานของสมองผิดแผกไป ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิด เพื่อให้เด็กเข้าใจตัวเองก่อนว่าจริงๆ มันเป็นแค่ด้านที่เขาไม่ถนัด

2. สื่อสารให้พ่อแม่ หรือผู้ปกครองเข้าใจเรื่องข้อจำกัดของเด็ก เข้าใจในสิ่งที่เด็กเป็นและไม่คาดหวังเกินจริง

3. ช่วยกันวางแผนกับครอบครัว หาจุดแข็งที่เป็นข้อดีของเด็ก และเขาสามารถนำมันมาเป็นกำลังใจในการที่เขาจะใช้ชีวิตต่อได้

4. การช่วยเหลือ แพทย์และคุณครูการศึกษาพิเศษจะฝึกในส่วนที่เด็กมีความยากลำบาก เช่น แยกแยะเสียงไม่ได้ ก็จะฝึกให้เขาแยกแยะเสียง แจกลูกสะกดคำได้ และอ่านคำได้คล่องขึ้น

ถ้ากะระยะไม่ได้ ก็อาจจะมีกระดาษที่เป็นตาราง มีเส้นกำกับระยะ มีตัวอย่างเว้นช่องไฟที่ทำให้เขาสามารถเขียนอยู่ในระยะ หรือบรรทัดที่ควรจะเป็นได้

ส่วนเรื่องของการคำนวณ ก็จะมีอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อช่วยในการคำนวณ เช่น แท่งคำนวณ หรือการทำตัวเลขให้เห็นเป็นวัตถุ เด็กก็จะเข้าใจได้ง่ายกว่าและสามารถเรียนรู้ได้ดีขึ้น

เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้ แม้ว่าจะได้รับการช่วยเหลือตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว แต่ก็อาจจะมีบางเรื่องที่เขาอาจจะไม่สามารถทำได้ หรือยากลำบาก ดังนั้น เมื่อเขาโตขึ้น จึงควรสอนให้ใช้อุปกรณ์ หรือโปรแกรมต่างๆ มาช่วยในการเรียน เช่น เด็กที่อ่านไม่คล่อง ก็อาจจะให้ใช้หนังสือเสียง หรือโปรแกรมจากมือถืออ่านหนังสือให้เขาฟัง อัดเสียงเวลาครูสอนมาฟังแทนการจด จะช่วยเด็กกลุ่มนี้เรียนได้ดีขึ้น

เด็กที่มีความบกพร่องด้านการคำนวณ ก็อาจจะอนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลขแทนการคำนวณมือ ซึ่งเขาสามารถแก้ไขโจทย์ปัญหา หรือเข้าใจบทเรียนได้ เพียงแต่ไม่ถนัดการคำนวณเท่านั้นเอง

เด็กที่เขียนได้ช้า อ่านไม่ออก หรืออ่านได้ยาก อาจจะอนุโลมให้เขาพิมพ์แล้วก็มีโปรแกรมที่ช่วยแก้ไขตัวสะกดให้เขา เพื่อที่เขาจะสามารถทำงานส่งได้ หรืออาจใช้การอ่านคำถามและให้ตอบโดยคำพูดทดแทนการอ่านเขียน ก็จะทำให้เขาสามารถสอบได้เหมือนเด็กทั่วไป

การใช้โปรแกรมเหล่านี้ ก็จะทำให้เด็กเหล่านี้สามารถทำการบ้าน ทำงานส่ง สามารถประสบความสำเร็จได้ไม่ต่างจากเด็กในวัยเดียวกัน

...

นอกจากนี้ จะต้องมองหาข้อดีของเด็กกลุ่มนี้ แม้ว่าเขาจะไม่เก่งภาษาไทย แต่เขาอาจจะเก่งด้านกีฬา ด้านศิลปะ หรือเด็กบางคนคำนวณไม่เก่ง แต่เก่งงานช่าง ก็จะส่งเสริม สนับสนุนไปในด้านที่เขาทำได้ดี เพราะมนุษย์เราทุกคนเกิดมาพร้อมความถนัดและไม่ถนัดในตัวเรา แพทย์จะพยายามทำให้เด็กและผู้ปกครองเข้าใจว่าจริงๆ เขาก็มีจุดดี และสามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

การป้องกัน

เนื่องจากภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้ ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน จึงป้องกันไม่ได้ แต่สามารถตรวจคัดกรองได้เร็วขึ้น เช่น สามารถหาจุดที่เขามีความยากลำบากได้ตั้งแต่อนุบาล และสามารถฝึกได้ตั้งแต่ตอนเล็ก ซึ่งมีงานวิจัยจำนวนมากที่สนับสนุนว่าถ้าเราช่วยฝึก หรือสนับสนุนเด็กตั้งแต่ช่วงวัยอนุบาล จะทำให้มีโอกาสหายขาด หรือความรุนแรงของโรคลดลงในวัยเรียนได้ ดังนั้น หากพบว่าบุตรหลานของท่านมีความผิดปกติด้านการอ่าน การเขียน และการคำนวณ ก็ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อผลการรักษาที่ดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

แหล่งข้อมูล

อ.พญ.กนกพรรน ชูโชติถาวร สาขาพัฒนาการและพฤติกรรม ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล