• ฮีตสโตรก (Heat Stroke) คือ ภาวะที่ร่างกายของคนเราต้องอยู่ในสถานที่อากาศร้อนจัด หรืออยู่ในสภาพอากาศร้อนชื้นเป็นเวลายาวนานต่อเนื่อง ทำให้อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นรวดเร็ว เกิน 40 องศาเซลเซียส
  • ฮีตสโตรกในเด็ก เด็กๆ จะมีอาการคือ ผิวหนังแดง แห้ง ร้อน กระหายน้ำมาก ปัสสาวะน้อยสีเข้ม ปวดศีรษะ วิงเวียน อาเจียน อ่อนเพลีย หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่ สับสน ตอบสนองช้า จนอาจถึงขั้นชักกระตุก เกร็ง และหมดสติ
  • ป้องกันเด็กจากอาการฮีตโตรกได้ด้วยการให้เด็กดื่มน้ำบ่อยๆ ใส่เสื้อผ้าสีอ่อน บางโปร่งสบาย ไม่รัดแน่น หลีกเลี่ยงกิจกรรมช่วงแดดร้อนจัด ทาครีมกันแดด สวมหมวก แว่นกันแดด กางร่ม และไม่ทิ้งเด็กไว้ในรถที่จอดกลางแจ้ง

โรคลมแดด หรือ ฮีตสโตรก (Heat Stroke) คืออะไร

โรคลมแดด หรือ ฮีตสโตรก (Heat Stroke) คือ ภาวะที่เกิดจากการที่ร่างกายของคนเราต้องไปอยู่ในสถานที่ที่อากาศร้อนจัดมากๆ ในระยะเวลาที่ยาวนานต่อเนื่อง จนอุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิน 40 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดภาวะที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัว หรือควบคุมความร้อนภายในร่างกายได้ จนมีอาการฮีตสโตรกตามมาในที่สุด 

ซึ่งหากเกิดขึ้นแล้วผู้ป่วยไม่ได้รับการปฐมพยาบาล ช่วยเหลือในทันที จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาท รวมถึงอวัยวะอื่น ทำให้ระบบการทำงานของอวัยวะเหล่านั้นล้มเหลว ถึงขั้นเสียชีวิตได้

...

ฮีตสโตรก (Heat Stroke) มี 2 ประเภท

1. ฮีตสโตรก หรือโรคลมแดด ที่เกิดจากการออกกำลังกายอย่างหนัก ในสภาพอากาศร้อน โดยมักพบในกลุ่มเด็กที่เป็นนักกีฬา หรือ เล่นกีฬากลางแจ้ง รวมไปถึงเด็กที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องอยู่ในอุณหภูมิสูงจากแดดต่อเนื่องเวลานาน
2. ฮีตสโตรก หรือโรคลมแดด ที่ไม่ได้เกิดจากการออกกำลังกาย เกิดจากการอยู่ในสภาพอากาศร้อนชื้นเป็นเวลานาน เช่น ทำกิจกรรมผจญภัยในธรรมชาติแบบกลางแจ้ง เช่น ปีนเขา ปีนผา หรืออยู่ในสถานที่ร้อนและแออัดไม่มีอากาศถ่ายเท

อาการที่ต้องสังเกตว่าเด็กอาจเกิดฮีตสโตรก

  • มีอุณหภูมิแกนกลางร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส
  • ผิวหนังแดง แห้ง และร้อน แต่ไม่มีเหงื่อออก
  • กระหายน้ำมาก ปัสสาวะออกน้อยมีสีเข้ม
  • ปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย
  • หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่
  • อาการทางสมอง เช่น สับสน ตอบสนองช้า อาจถึงขั้น ชักกระตุก เกร็ง และหมดสติ

หากพบเด็กเป็นฮีตสโตรก ควรให้การดูแลปฐมพยาบาลอย่างไร

  • ให้รีบนำตัวเด็กเข้าไปในพื้นที่ร่ม หรือพาไปอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีผู้คนหนาแน่น
  • จับเด็กให้นอนหงายในท่าราบ จับยกเท้าสูงขึ้นกว่าระดับศีรษะประมาณ 15-20 องศา (หากเด็กมีอาการอาเจียนต้องให้อยู่ในท่านอนตะแคงก่อน จนกว่าจะหยุดอาเจียน)
  • ปลดกระดุมเสื้อและกางเกงให้หลวม ผ่อนคลาย ไม่รัดแน่น เพื่อช่วยระบายอากาศและความร้อน
  • หากเด็กยังมีสติอยู่ ให้เด็กจิบน้ำเรื่อยๆ ช้าๆ
  • ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามตัว และใช้น้ำแข็งประคบบริเวณซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ เพื่อลดอุณหภูมิร่างกายไม่ให้สูงเกิน 39 องศาเซลเซียส (ควรให้อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 38-38.5 องศาเซลเซียส) ร่วมกับเปิดพัดลมเป่า พ่นละอองน้ำ เพื่อช่วยระบายความร้อน
  • ตรวจเช็กระดับออกซิเจนในเลือด ต้องให้ค่าสูงกว่า 94%
  • ใช้ยาดม หรือแอมโมเนีย จะช่วยให้เด็กคลายอาการวิงเวียน หน้ามืดเป็นลมได้
    รีบนำเด็กส่งโรงพยาบาลทันที

ปัจจัยที่ทำให้เด็กเป็นฮีตสโตรก

  • ในช่วงอากาศร้อนจัดเช่นนี้ เด็กเล็กที่อยู่ในสถานที่ที่แดดร้อนจัดต่อเนื่องจะมีความเสี่ยงสูง เพราะเป็นวัยที่ดื่มน้ำไม่เยอะ อาจไม่มีน้ำเป็นตัวช่วยลดอุณหภูมิร่างกาย
  • เด็กที่ทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายหนัก ใช้กำลังมากในกลางแจ้งเป็นเวลานานต่อเนื่อง โดยหากรู้สึกว่าเหนื่อยให้หยุดพักและดื่มน้ำเพื่อทดแทนเหงื่อที่สูญเสียไป เป็นการควบคุม และปรับลดอุณหภูมิให้กับร่างกาย
  • เด็กที่มีประวัติเคยเป็นโรคลมแดด หรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด โรคอ้วน

...

ไม่อยากให้เด็กเป็นฮีตสโตรกต้องป้องกันอย่างไร

  • ให้เด็กดื่มน้ำบ่อยๆ ทุกชั่วโมง ให้เพียงพอต่อวัน อย่างน้อย 6-8 แก้ว โดยเฉพาะก่อนออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านให้ดื่มน้ำเพิ่ม 1-2 แก้ว
  • ช่วงอากาศร้อนจัด ให้เด็กใส่เสื้อผ้าสีอ่อน บางโปร่งสบาย ไม่รัดแน่น ระบายอากาศได้ดี อาจพกผ้าเย็นติดตัวไว้เพื่อเช็ดช่วยลดอุณหภูมิ
  • หลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กทำกิจกรรมในช่วงที่มีแดดร้อนจัด หรืออยู่ในที่ร้อนอบอ้าวต่อเนื่องยาวนาน หรือเลือกที่จะให้เด็กทำกิจกรรมช่วงเย็น หรือสถานที่ที่อากาศไม่ร้อนจนเกินไป หรือเลือกสถานที่มีเครื่องปรับอากาศ
  • หากจำเป็นต้องพาเด็กออกไปนอกบ้าน ให้ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15+ ขึ้นไป สวมหมวก แว่นกันแดด หรือใช้ร่มเมื่ออยู่กลางแจ้ง
  • ไม่จอดรถและทิ้งเด็กไว้กลางแจ้ง เพราะความร้อนภายในรถและก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ส่งผลต่อระบบประสาทของเด็ก 
  • ความร้อนจากแดดทำให้อุณหภูมิในรถสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงเเค่ 30 นาที สามารถเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้
  • หากวางแผนพาเด็กออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน หรือกลางแจ้ง ควรเตรียมตัวก่อน โดยอย่าให้ร่างกายเด็กอ่อนเพลีย

...

ป้องกันเด็กจากอาการฮีตโตรกที่อาจเกิดขึ้นในรถ

การปล่อยให้เด็กนั่งคอยในรถยนต์เพียงลำพัง โดยเฉพาะรถที่จอดกลางแจ้ง อาจทำให้เกิดอันตรายกับเด็ก เพราะความร้อนจากแดดทำให้อุณหภูมิในรถสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ 30 นาที สามารถเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้

  • ไม่ทิ้งเด็กไว้ในรถโดยลำพัง โดยที่ไม่มีคนดูแล
  • การเปิดแง้มหน้าต่างรถ ไม่ใช่วิธีป้องกันที่ถูกต้อง เพราะในความเป็นจริงแล้วสาเหตุหลักในการเสียชีวิตกรณีมีเด็กอยู่ในรถ มีสาเหตุจากความร้อนที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เกิดจากภาวะขาดอากาศหายใจ
  • ตรวจสอบนับสมาชิกบนรถทุกครั้งว่าไม่มีใครหลงเหลืออยู่ในรถ ก่อนปิดประตู
  • พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเก็บกุญแจรถให้พ้นมือเด็ก 

สิ่งสำคัญที่สุดเมื่อพบเจอเด็ก หรือคนที่เป็นฮีตสโตรก ให้รีบติดต่อโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก่อนอันดับแรก หรือ โทรสายด่วน 1669 เพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ให้รีบเข้ามาดูแล โดยระหว่างรอเจ้าหน้าที่สามารถให้การปฐมพยาบาลช่วยเหลือเบื้องต้นก่อนได้

ขอบคุณข้อมูล : พญ.สุธิดา เธียไพรัตน์ กุมารแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช