รู้หรือไม่ว่าคอลลาเจนที่ได้ยินกันในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ นั้น เป็นสารอาหารที่มีอยู่ในธรรมชาติ พบในเนื้อสัตว์ เอ็น และข้อ โดยคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนังถึง 75% ดังนั้นหากร่างกายได้รับคอลลาเจนไม่เพียงพอต่อวัน ก็มีผลต่อความเสื่อมสภาพของผิว วันนี้ไทยรัฐออนไลน์นำสรรพคุณของคอลลาเจนมาให้รู้จัก รวมถึงวิธีกินคอลลาเจนให้ได้ผลดีที่สุดในแต่ละวัน
คอลลาเจน คืออะไร
คอลลาเจน คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่พบมากในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันเส้นเอ็น หลอดเลือด ผิวหนัง พบได้ในธรรมชาติ หากรับประทานอาหารที่มีโปรตีนก็จะได้รับปริมาณคอลลาเจนที่เพียงพอต่อวัน คนที่มีอายุน้อย ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้มาก ส่วนคนที่มีอายุมากขึ้น จะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง จึงต้องดูแลตัวเองด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ หลบเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เซลล์คอลลาเจนเสื่อมลง
สรรพคุณ “คอลลาเจน” มีประโยชน์อย่างไร
...
- คอลลาเจนช่วยเพิ่มความแข็งแรงของระบบไหลเวียนโลหิต
คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของเซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เนื้อเยื่อชนิดนี้อยู่บริเวณข้อกระดูก เส้นเลือด และผิวหนัง จึงช่วยป้องกันปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือด
- คอลลาเจนช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ลดรอยแผลเป็น และรอยแดง
ผลการวิจัยของสถาบันผิวหนังประเทศญี่ปุ่น พบว่า อาสาสมัครที่รับประทานคอลลาเจน 10 กรัม เป็นระยะเวลา 3 เดือน จะมีผิวหนังที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ริ้วรอยลดเลือนลง ผิวที่เป็นแผลเป็นดูจางลง โดยทดสอบในผู้หญิงอายุ 33-55 ปี จำนวน 47 คน
- คอลลาเจนช่วยลดอาการอักเสบจากข้อเสื่อม
จากการศึกษาของประเทศเยอรมนีในประชากรที่มีภาวะข้อเสื่อม 2,000 คน พบว่า ผู้ที่ได้รับคอลลาเจน 5 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 3 เดือน จะช่วยลดอาการอักเสบ และเจ็บปวดจากข้อเสื่อมในขณะเคลื่อนไหวได้
5 วิธีกินคอลลาเจนให้ได้ผลดีที่สุด
เมื่อรู้จักคอลลาเจนแล้ว ก็ต้องรู้วิธีกินคอลลาเจนเพื่อได้รับประโยชน์สูงสุด ดังต่อไปนี้
1. เลือกอาหารที่มีคอลลาเจนสูง
เลือกอาหารที่มีคอลลาเจน เพื่อให้ร่างกายได้รับคอลลาเจนเพียงพอในแต่ละวัน ตัวอย่างอาหารที่มีคอลลาเจนสูง ได้แก่ เนื้อสัตว์ กระดูกอ่อน เอ็น ข้อ และยังพบในถั่วหลากสี ผักใบเขียว เห็ดบางชนิด และอาหารทะเล ควบคู่กับการกินอาหารประเภทอื่นๆ เพื่อส่งเสริมการดูดซึมของคอลลาเจน
2. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน
น้ำในร่างกายช่วยในการดูดซึมคอลลาเจนจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป หากได้รับน้ำไม่เพียงพอร่างกายก็จะไม่สามารถดูดซึมคอลลาเจนไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
3. รับประทานอาหารที่มีวิตามินซี
วิตามินซีกับคอลลาเจน เป็นสารอาหารที่เอื้อประโยชน์ต่อการดูดซึม วิตามินซีมีส่วนช่วยในการดูดซึมของคอลลาเจน และจากงานวิจัยพบว่าหากได้รับวิตามินซีที่เหมาะสม ก็จะช่วยลดการสร้างเม็ดสีของผิวหนัง ส่งผลให้ผิวดูสุขภาพดี
4. กินคอลลาเจนตอนท้องว่าง
หากเลือกกินคอลลาเจนที่เป็นอาหารเสริม ต้องเลือกกินตอนท้องว่าง ก่อนรับประทานอาหาร 30 นาที ในมื้อที่สะดวก และตามปริมาณที่แนะนำข้างฉลาก
5. ไม่กินคอลลาเจนกับน้ำหวาน
น้ำตาลในน้ำหวานส่งผลให้ร่างกายเกิดกระบวนการไกลเคชั่น ทำให้คอลลาเจนในร่างกายเสื่อมสภาพลง การดูดซึมของคอลลาเจนไม่เต็มประสิทธิภาพ
Q&A คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการกินคอลลาเจน
Q : คอลลาเจนไม่ควรทานกับอะไร
A : คอลลาเจนไม่ควรรับประทานกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำหวาน รวมถึงไม่ควรสูบบุหรี่ เพราะสิ่งเหล่านี้ขัดขวางประสิทธิภาพการดูดซึมของคอลลาเจนต่อร่างกาย ดังนั้นควรหลืกเลี่ยง
Q : กินคอลลาเจนเวลาไหนดีที่สุด
...
A : วิธีกินคอลลาเจนให้ได้ผลดีที่สุดควรกินตอนท้องว่าง ก่อนมื้ออาหาร 30 นาที โดยผสมกับน้ำ หรือเครื่องดื่มที่ชอบ
Q : คอลลาเจนกินก่อนนอนได้ไหม
A : คอลลาเจนกินเวลาไหนก็ได้ที่สะดวก แต่หากเป็นคอลลาเจนผงที่ผสมกับสารอื่นๆ ก็ต้องเลือกพิจารณาว่าอาจไม่เหมาะกับการกินก่อนนอน เช่น คอลลาเจนผสมช็อกโกแลต, คอลลาเจนผสมชาเขียว, คอลลาเจนผสมกาแฟ และคอลลาเจนผสมวิตามินบางชนิด เพราะมีผลต่อการตื่นตัว นอนไม่หลับ
Q : ควรกินคอลลาเจนวันละกี่มิลลิกรัม
A : ปริมาณคอลลาเจนที่แนะนำต่อวันคือไม่ควรเกิน 10 กรัม หรือ 10,000 มิลลิกรัมต่อวัน (อ้างอิงตามเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
Q : กินคอลลาเจนทุกวันอันตรายไหม
A : การกินคอลลาเจนทุกวันนั้นเป็นอันตรายหรือไม่ ยังไม่มีการศึกษาอย่างเป็นที่แน่ชัด เพื่อความปลอดภัยควรรับประทานตามสัดส่วนที่ อย.แนะนำต่อวัน และหากเป็นผู้ที่มีโรคเกี่ยวข้องกับทางเดินอาหาร โรคตับ โรคไต และโรคประจำตัวที่ไม่แน่ใจว่ารับประทานคอลลาเจนในรูปแบบอาหารเสริมได้หรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์ หรือปรึกษานักกำหนดโภชนาการ
ที่มา :
1. รู้ลึก รู้ชัด กับ “คอลลาเจน” https://www.rama.mahidol.ac.th/atrama/sites/default/files/public/pdf/column/@Rama5_E09.pdf
2. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ผสมคอลลาเจน (Collagen) บำรุงผิวได้จริงหรือ., https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/375
3. คลังข้อมูลยา., https://pharmacy.mahidol.ac.th/dic/qa_full.php?id=3431
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
...