ว่ากันว่า... "โยคะ" ไม่ใช่ยาที่ใช้ในการรักษาโรค แต่โยคะช่วยให้ระบบของร่างกายมีความสมดุลมากขึ้น และส่งผลให้ผู้ฝึกบรรเทาอาการเจ็บป่วย และมีสุขภาพดีตามมา แต่สำหรับคนที่ไม่เคยฝึกหรือเล่นโยคะมาก่อน เมื่อดูจากท่าแล้วอาจรู้สึกหมือนไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าไรนัก แต่รู้หรือไม่...ความลับของการฝึก "โยคะ" มันอยู่ที่การฝึกและทำอย่างถูกวิธี ด้วยการกำหนดลมหายใจเข้าออกได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เพราะโยคะจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นและรูปร่างดี ขณะที่บางท่าก็สามารถเปลี่ยนผิวพรรณของเราให้งามยิ่งกว่าเดิม ซึ่งโยคะแต่ละท่าก็มีประโยชน์แตกต่างกันไป หลายท่าช่วยผ่อนคลาย หรือหลายท่าช่วยแก้อาการปวดหลัง ส่วนบางท่าอาจลดอาการซึมเศร้าได้ เหมาะกับสาวออฟฟิศที่ทำงานหนักโดยไม่รู้ตัว เมื่อรู้ข้อดีแล้วเราลองหันมาสนใจการออกกำลังกายด้วยการฝึกโยคะกันดีมั้ย เพราะนอกจากจะยังแข็งแรงยังทำให้มีสมาธิขึ้นอีกด้วย นี่แหละหนา...ข้อดีของ "โยคะ" ไปดูท่าโยคะที่ทำง่ายๆ ที่ "พัชรินทร์ ธีรกานต์ธาดา" จาก Fight To Firm Club ฟิตเนสที่ช่วยให้ฟิตแอนด์เฟิร์ม มาทำท่าให้ดู มาค่ะ...มาเริ่มลองทำตามกันดูนะคะ
...
รวม 5 ท่า "โยคะ" ฉบับสาวออฟฟิศ
ท่างู - หลับสบาย ผิวพรรณดี
ท่างู คือท่าออกกำลังกายที่ช่วยแก้อาการปวดหลัง ลดอาการปวดศีรษะ กระชับกล้ามเนื้อส่วนสะโพก และช่วยให้ปวดหัวใจทำงานดีขึ้น ประโยชน์ที่ได้จากท่านี้ จะช่วยให้ผ่อนคลายความตึงเครียด และรู้สึกสงบจนมีสมาธิ ที่สำคัญทำให้หลับสบาย หากทำท่างูสม่ำเสมอจะช่วยให้รูปร่างและผิวพรรณดีขึ้น
ขั้นตอนการฝึกท่างู
1. นอนคว่ำราบกับพื้น ขาเหยียดตรง หลังเท้าแนบกับพื้น ลำตัวตรง วางมือคว่ำเท่ากับระดับหัวไหล่ ทำหน้าตรงตามปกติ
2. กดเท้า ต้นขา และสะโพกให้เกร็งราบกับพื้น
3. หายใจเข้า พร้อมกับเหยียดแขนและยันมือทั้ง 2 ข้างขึ้น และยกศีรษะ ไหล่ หน้าอก และเอวให้สูง
4. มองไปด้านหลังจนสุด ทำค้างไว้ 15-30 วินาที
5. ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง
ท่านั่งก้มตัว - คลายเครียด ลดการปวดประจำเดือน
โยคะก็ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยหรือโรคได้ เหมือนกับท่านั่งก้มตัว ซึ่งเป็นท่าพื้นฐานของโยคะ ที่ช่วยแก้ปัญหาคนที่มีแนวโน้มที่จะเกิดโรคทางเดินอาหารผิดปกติ ส่วนประโยชน์จากการทำท่านั่งก้มตัว จะช่วยลดความเครียดและอาการซึมเศร้า และบรรเทาอาการปวดประจำเดือน
ขั้นตอนการฝึกท่านั่งก้มตัว
1. นั่งหลังตรง ให้เท้าเหยียดไปข้างหน้า
2. ก้มตัวไปด้านหน้า โดยให้ศีรษะใกล้เข่าให้มากที่สุด
3. ทำค้างไว้ 1-2 นาที
4. ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง
ท่าธนู - แก้ปวดหลัง แก้ออฟฟิศซินโดรม
ท่าธนูคือท่าที่ดีที่สุดในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อส่วนท้อง โดยจะเป็นกดนวดอวัยวะภายในช่องท้อง บรรเทาอาการปวดหลังและยังช่วยสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อหลัง สำหรับท่านี้ไม่จำเป็นต้องทำให้เป๊ะปังนะคะ เพราะมันจะทรมานสำหรับสาวออฟฟิศที่หลังแข็งมากๆ เวลาทำแนะนำให้ทำเท่าที่ทำได้ ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นการดูแลอวัยวะส่วนท้องจะดีกว่า
...
ขั้นตอนการฝึกท่าธนู
1. นอนคว่ำไปกับพื้น
2. ยกเท้าทั้ง 2 ข้างขึ้น
3. ใช้มือพยายามแตะข้อเท้าให้ได้ เพื่อดึงขาให้สูง
4. ค่อยๆ ยกศีรษะและหน้าอกให้ลอยขึ้นจากพื้น
5. ทำค้างไว้ 3-5 วินาที แล้วค่อยๆ ลดขาลงอย่างช้าๆ
6. ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง
ท่ายืนก้มตัว - ผ่อนคลาย เผาผลาญไขมัน
ท่าโยคะแบบยืนก้มตัว เป็นท่าโยคะที่ผ่อนคลายมากที่สุด เป็นท่าที่ช่วยเผาผลาญไขมันช่วย กระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้ดี และยังช่วยยืดหยุ่นกล้ามเนื้อต้นขาทำให้ขาแข็งแรง นอกจากนี้การฝึกท่านี้จะช่วยลดอาการปวดศีรษะและนอนไม่หลับได้
ขั้นตอนการฝึกท่ายืนก้มตัว
1. ยืนเท้าชิดกัน ถ้าใครทำไม่ได้อาจจะแยกให้เท่าหัวไหล่ได้
2. ก้มตัวลงโดยให้มือวางลงกับพื้นให้ได้มากที่สุด
3. พยายามก้มศีรษะให้ชิดกับขา
4. ทำค้างไว้ 30 วินาที หรือจะมากกว่านั้นก็ได้ แล้วค่อยๆ ยกมือขึ้นอย่างช้าๆ
5. ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง
...
ท่านกพิราบ - สดชื่น เอวขาน่องเรียวเล็ก
การทำท่านกพิราบเป็นท่าการฝึกโยคะที่แสนง่ายแต่ให้ผลลัพธ์ดีเกินคาด เหมาะกับสาวออฟฟิศที่สุด เพราะเป็นท่าที่ช่วยให้สดชื่นและผ่อนคลายจากความเมื่อยล้าในการนั่งทำงานแบบนานๆ โดยจะช่วยยืดกล้ามเนื้อบริเวณสะโพกได้อย่างดี หากฝึกท่านี้บ่อยๆ จะช่วยให้รูปร่างตั้งแต่เอวลงไป เล็กลงและกระชับมากขึ้น สะโพกกลมกลึง และยังทำให้ต้นขาและน่องเรียวเล็กตามอีกด้วย
ขั้นตอนการฝึกท่านกพิราบ
1. นั่งเหยียดขาซ้ายไปด้านหลัง
2. ขาขวางอเข่าไปด้านข้าง เหมือนนั่งขัดสมาธิ
3. คว่ำสะโพกแนบกับพื้น แล้ววางมือไปข้างหน้า
4. เกร็งหน้าท้องไว้ 30 วินาที
5. ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง
วิธีการหายใจในการฝึกโยคะ
อย่างที่รู้กัน วิธีการหายใจที่ใช้ในการฝึกโยคะนั้นสามารถทำได้ 3 วิธีคือ
1. การหายใจเข้า-ออก สลับกับการเปลี่ยนท่า จะมีลักษณะเหมือนการฝึกลมปราณขั้นต้น วิธีการหายใจจะเน้นให้หายใจเข้าแล้วปฏิบัติตามท่า จากนั้นก็หายใจออกขณะที่หายใจออกก็คลายท่า ทำการฝึก 4-6 ลมหายใจซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 วินาที
2. การหายใจเข้าก่อนเริ่มทำท่าโยคะ ก่อนเริ่มทำท่าโยคะให้หายเข้าให้เต็มที่กลั้นหายใจแล้วจึงทำท่าโยคะ เมื่อถึงที่ทำท่าฝึกเสร็จก็หายใจออกและหายใจปกตินานตามที่ต้องการ เมื่อจะเปลี่ยนท่าให้หายใจเข้าให้เต็มที่ กลั้นหายใจแล้วจึงคลายท่า วิธีนี้ฝึกง่ายและเป็นที่นิยม
3. การหายใจให้สอดคล้องกับท่าโยคะ ถือหลังว่าท่าโยคะที่ทำให้ปอดขยายก็ให้หายใจเข้า ท่าที่ทำให้ปอดเล็กลงก็ให้หายใจออก ท่าที่ต้องหายใจเข้าได้แก่ ยกแขนขึ้น การเงยตัว การยืดตัวขึ้น การแอ่นอก ส่วนท่าที่ต้องหายใจออกคือท่าที่ยกแขนลง ท่าที่มีการบิดตัว การฝึกหายใจท่านี้จะยากเพราะต้องจำท่าการฝึก และต้องจำว่าจะหายใจเข้าออกตอนไหน
...