อย่างที่รู้กันดีว่า น้ำ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสิ่งที่มีชีวิต แม้ว่าคนเราสามารถอดอาหารได้หลายสัปดาห์ แต่ถ้าอดน้ำล่ะก็...จะเสียชีวิตภายใน 2-3 วัน เนื่องจากร่างกายมนุษย์มีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 70%, ในแต่ละเซลล์จะมีน้ำ 60%, ในเลือดมีน้ำ 92% และในสมองมีน้ำมากถึง 85%

หน้าที่สำคัญของ "นำ้" คือ เป็นตัวกลางในการเกิดปฏิกิริยาเคมีทุกชนิดในกระบวนการเมตาบอลิซึมของร่างกาย เซลล์จะไม่สามารถทำงานได้ถ้าไม่มีน้ำ กระบวนการต่างๆ ในร่างกายต้องอาศัยน้ำ เช่น กระบวนการการย่อยอาหาร กระบวนการดูดซึมอาหาร กระบวนการขับถ่ายของเสีย เป็นต้น

โดยเฉพาะสาวๆ ที่กำลัง "ลดน้ำหนัก" เคยได้ยินใช่มั้ยว่าให้ "ดื่มน้ำ" เยอะๆ ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน แล้วทำไม? การ "ดื่มน้ำเปล่า" ถึงมีความสัมพันธ์กับการ "ลดน้ำหนัก" วันนี้ Thairath Women จะพาคุณมาหาคำตอบเรื่องนี้กัน

"น้ำเปล่า" ยาอายุวัฒนะ

"น้ำ" ถูกยกย่องให้เป็นยาอายุวัฒนะตั้งแต่สมัยโบราณ ทางการแพทย์แนะนำให้ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อทำหน้าที่กำจัดสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย นำส่งสารอาหารและออกซิเจนให้เซลล์ในร่างกาย ช่วยให้เนื้อเยื่อและอวัยวะชุ่มชื้น ช่วยควบคุมอุณหภูมิร่างกาย แม้กระทั่งช่วยรักษาอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ ให้หายไปได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งยา แต่ให้ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ แทน เช่น อาการคอแห้ง เจ็บคอ ตัวร้อน ร้อนใน อาการท้องผูก อาการเหนื่อยล้า เป็นต้น 

...

นพ.ระพีพันธุ์ กัลยาวินัย อายุรแพทย์ทางเดินอาหาร เคยให้ข้อมูลในบทความวิชาการไว้ว่า น้ำเปล่ามีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ได้แก่

1. แก้ภาวะขาดน้ำ (Dehydration) : โดยเฉพาะในหน้าร้อนร่างกายจะสูญเสียน้ำได้ง่ายกว่าปกติ

2. แก้ท้องผูก ช่วยระบาย : การดื่มน้ำในตอนเช้าหลังตื่นนอนช่วยกำจัดไขมันตกค้างและกำจัดแบคทีเรียได้ดี (ภาวะท้องผูกบ่อยๆ อาจสัมพันธ์กับโรคมะเร็งลำไส้) 

3. ช่วยในการย่อย : โดยปกติลำไส้ของคนเราจะปล่อยน้ำเข้ามาทางลำไส้เพื่อช่วยย่อย ซึ่งถ้าเราดื่มน้ำให้เพียงพอ ก็จะมีส่วนช่วยให้กระบวนการย่อยทำงานได้ดีขึ้น

4. ช่วยขับน้ำลาย : น้ำเปล่าช่วยขับน้ำลาย ซึ่งน้ำลายก็จะช่วยฆ่าเชื้อโรคในปาก และกำจัดกลิ่นปากได้ด้วย

5. ป้องกันไข้หวัด : ผู้ป่วยที่เป็นหวัดให้ดื่มน้ำอุ่นๆ ผสมมะนาว ดื่มหลังอาหารเย็นบ่อยๆ จะช่วยรักษาอาการหวัดให้ดีขึ้นได้

6. แก้ปากอักเสบ : การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอช่วยแก้ร้อนใน ปากอักเสบ และแก้ฟันผุได้ เพราะไปกระตุ้นการหลั่งน้ำลาย ซึ่งน้ำลายก็ไปช่วยฆ่าเชื้อโรคในช่องปาก

7. ช่วยลำเลียงอาหาร : น้ำเปล่าช่วยลำเลียงอาหารจากกระเพาะไปสู่ลำไส้ได้ง่าย ทำให้กระเพาะย่อยง่าย ลดความเสี่ยงการเกิดโรคกระเพาะอาหาร และลดการเกิดแก๊สในท้อง

8. เสริมภูมิต้านทาน : การดื่มน้ำให้เพียงพอ ทำให้การจับของภูมิต้านทานต่อผิวลำไส้ IgG และ ระบบ complement ทำงานได้ดีขึ้น จึงช่วยส่งเสริมภูมิต้านทานให้ลำไส้แข็งแรง

ดื่มน้ำเพียงพอ ช่วย "ชะลอแก่"

ส่วนประโยชน์ด้าน "ความงาม" น้ำเปล่าก็มีบทบาทมากเช่นกัน กล่าวคือ การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอจะช่วยเรื่องสุขภาพผิวพรรณของ "ผู้หญิง" สังเกตได้จากผิวหนังและผิวหน้าของผู้ที่ดื่มน้ำมากเพียงพอทุกวัน ผิวพรรณจะมีน้ำมีนวล เปล่งปลั่ง

แต่ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ร่างกายขาดน้ำ ผิวหน้าและผิวตัวจะเหี่ยว แห้งกร้าน มีริ้วรอยเยอะ มีอาการผิวแพ้ง่ายร่วมด้วย ทำให้ใบหน้าแก่ก่อนวัยอันควร ดังนั้นการดื่มน้ำให้เพียงพอจึงนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผิวหนัง ช่วยชะลอความแก่ได้ มีบทบาทสำคัญมากยิ่งกว่าการทาโลชั่นหรือครีมบำรุงผิวหนังเสียอีก

"ดื่มน้ำ" เท่าไรถึงจะดี?

มีข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกายขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของแต่ละคน โดยมีคำแนะนำง่ายๆ และสูตรคำนวณ ดังนี้ 

สูตร : น้ำหนักตัว (กก.) หารด้วย 30 = จำนวนลิตรต่อวัน 

ยกตัวอย่าง : ถ้าน้ำหนักตัว 60 กก. หารด้วย 30 = 2 ลิตรต่อวัน 

สูตรนี้ใช้สำหรับคำนวณการดื่มน้ำในวันทำงานปกติ แต่ถ้าวันไหนคุณมีกิจกรรมอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ออกกำลังกาย ออกไปปั่นจักรยาน หรือมีกิจกรรมเต้น แบบนี้ก็ต้องเพิ่มการดื่มน้ำเข้าร่างกายให้มากกว่าปกติ 

ทั้งนี้ โดยทั่วไปร่างกายคนเราจะได้รับน้ำจากอาหารที่รับประทานเข้าไปในแต่ละวัน 20% และได้รับน้ำจากการดื่มน้ำและเครื่องดื่มต่างๆ อีก 80% (แต่ไม่นับรวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มกาเฟอีน เพราะทำให้ร่างกายขับปัสสาวะมากกว่าปกติ)

...

วิธี "ดื่มน้ำ" ให้ช่วย "ลดน้ำหนัก"

มีกูรูด้านสุขภาพหลายคนแนะนำให้ดื่มน้ำเยอะๆ ช่วง "ลดน้ำหนัก" เพราะช่วยกระบวนการเผาผลาญได้ดีขึ้น เมื่อเผาผลาญไขมันได้ดี ก็จะลดน้ำหนักได้อย่างได้ผล อีกอย่างคือ มีผลในทางอ้อมด้วย การกินน้ำเปล่าก่อนกินอาหาร 15-20 นาที จะช่วยให้อิ่มเร็วกว่าปกติ นอกจากนี้เรายังมีวิธีดื่มน้ำให้เหมาะสมในแต่ละวันมาฝากคุณผู้หญิงกันด้วย 

1. ดื่มน้ำ 1 แก้ว หลังตื่นนอน

เวลา 06.00-07.00 น. หรือหลังตื่นนอนให้คุณดื่มน้ำ 1 แก้ว เพื่อช่วยลดภาวะขาดน้ำจากการนอนหลับอันยาวนาน อีกทั้งช่วยลดความข้นหนืดของเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี และช่วยกระตุ้นการขับถ่ายได้อีกด้วย 

2. ดื่มน้ำ 1 แก้ว ช่วงเช้า

เวลา 08.00-09.00 น. ในช่วงเช้านี้ให้คุณดื่มน้ำก่อนมื้อเช้า ควรรอสัก 15-20 นาที ค่อยกินมื้อเช้า ถ้ากินอาหารตามทันทีจะทำให้น้ำย่อยเจือจาง ย่อยอาหารไม่ดี หลังอาหารก็ควรจิบน้ำสักครึ่งแก้วก็พอ

3. ดื่มน้ำ 2-3 แก้ว ช่วงสาย

...

เวลา 09.00-13.00 น. ช่วงนี้เป็นช่วงที่เริ่มต้นทำงาน ให้คุณดื่มน้ำระหว่างวันไปเรื่อยๆ ระหว่างทำงาน จะช่วยขับของเสีย ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น ทั้งนี้คือรวมน้ำที่ดื่มในช่วงพักทานอาหารกลางวันด้วย

4. ดื่มน้ำ 2 แก้ว ช่วงบ่ายและเย็น

เวลา 13.00-17.00 น. ถัดมาในช่วงบ่ายจนถึงช่วงเย็น ก็ให้พยายามจิบน้ำเปล่าไปเรื่อยๆ ระหว่างวัน ในปริมาณ 2-3 แก้ว จะช่วยแก้กระหาย ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้นอยู่เสมอ

5. ดื่มน้ำ 2-3 แก้ว ช่วงเย็นและก่อนนอน

เวลา 18.00-22.00 น. ให้คุณดื่มน้ำช่วงเย็น ก่อนและหลังทานมื้อเย็น และแบ่งบางส่วนไปดื่มช่วงก่อนนอน เพื่อช่วยชะล้างสิ่งตกค้างในลำไส้ และช่วยป้องกันร่างกายขาดน้ำขณะนอนหลับ

ติดตามอ่านเรื่องราวที่น่าสนใจและความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ "ผู้หญิง" กันต่อได้ที่ Thairath Women

ตัวช่วยลดน้ำหนัก อาหารเสริมคุณภาพแน่น แบรนด์ดัง ต้องที่นี่ ส่วนลด lazada

...

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ :