"ผู้หญิง" หลายคนน่าจะเคยมีอาการเจ็บที่บริเวณ "จุดซ่อนเร้น" หรือ "อวัยวะเพศ" กันบ้างใช่มั้ย? และเชื่อว่า...หลายคนก็มีความกังวลอยู่ไม่น้อย เพราะถือว่า จุดนี้เป็นจุดที่บอบบางและเซนซิทีฟที่สุดในร่างกายก็ว่าได้ อาการเจ็บเหล่านั้น อาจกำลังบอกคุณว่า "สุขภาพ" ในส่วนนั้นเริ่มไม่ดีแล้วนะ!

ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ จะชวนมารู้จักสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บเหล่านั้นได้ หากพบว่ามีอาการเจ็บน้องสาวแบบรุนแรงจนส่งผลต่อ "สุขภาพ" โดยรวม ก็ควรรีบไปพบแพทย์นะคะ เพื่อจะได้รักษาได้ทันท่วงที

เช็กอาการเจ็บ "อวัยวะเพศ" หรือ "จิ๋ม" เกิดจากอะไร?

1. ความแห้งกร้าน

เริ่มจากอาการเจ็บทั่วไปที่ไม่อันตรายต่อ "สุขภาพ" มักเป็นอาการเจ็บระหว่างมีเพศสัมพันธ์ หรือหลังจากมีเพศสัมพันธ์ เกิดจาก "ช่องคลอดแห้ง" ไม่มีสารหล่อลื่นที่เพียงพอในระหว่างที่คุณมีเพศสัมพันธ์ แล้วทำให้เกิดรอยถลอกเล็กน้อยในช่องคลอด จะรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ บางครั้งอาจเจ็บจนน้ำตาซึมได้ แต่แผลถลอกเหล่านี้จะสามารถหายไปเองได้ในเวลาไม่นาน 

...

แล้วทำไมถึงเกิดอาการช่องคลอดแห้งในผู้หญิง? นั่นเกิดจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ อาจจะมาจากการที่คุณใช้ยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนติดต่อกันในระยะเวลานาน ยาคุมแบบนี้จะส่งผลทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายต่ำลงไปจนเสียสมดุล

2. ปวดประจำเดือน

หลายคนเข้าใจว่าเวลา "ผู้หญิง" เป็นประจำเดือน ก็มักจะมีอาการปวดท้องน้อย ปวดหลัง ปวดขา แต่รู้หรือไม่? ผู้หญิงบางคนก็มักจะปวดบริเวณช่องคลอดด้วย ซึ่งจะรู้สึกปวดแบบหน่วงๆ ปวดลึก ปวดแบบไม่มีแรงจะเดิน แต่สบายใจได้ว่า...อาการปวดแบบนี้ไม่ได้เป็นอันตรายต่อ "สุขภาพ" พอล่วงเข้าวันที่ 3 วันที่ 4 ของการมีประจำเดือน อาการเจ็บปวดก็จะหายไปเอง

สาเหตุที่ทำให้คุณปวดช่องคลอดเวลามีประจำเดือน เป็นเพราะว่า...ในช่วงนั้นร่างกายจะมีของเหลวในกล้ามเนื้อ และตามส่วนต่างๆ ของร่างกายมากขึ้น จนทำให้ปวดหัวบ้าง ปวดตามตัวบ้าง และรวมถึงปวดในช่องคลอดด้วย แต่ถ้าปวดรุนแรงติดต่อกันหลายวันจนผิดปกติ แถมมีเลือดออกเยอะ แบบนี้ต้องรีบไปหาหมอ

3. การติดเชื้อในช่องคลอด

แต่ถ้าคุณมีอาการเจ็บมากบริเวณน้องสาว เจ็บแบบเรื้อรัง หรือมีลักษณะบวมมากจนเจ็บ ยิ่งถ้านั่งนานๆ ก็ยิ่งเจ็บ แบบนี้เรียกว่าเป็นอาการเจ็บที่อาจส่งผลร้ายต่อ "สุขภาพ" ได้ เพราะคุณอาจเป็นโรค "ติดเชื้อในช่องคลอด"

ส่วนใหญ่พบว่า...อาจเกิดจากการบาดเจ็บของเส้นประสาท, การแพ้สารเคมี, การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน, การใช้ยาบางชนิด หรือการตอบสนองที่ผิดปกติต่อการติดเชื้อหรือการบาดเจ็บ เป็นต้น ยิ่งสาวๆ คนไหนใช้ผ้าอนามัยแบบสอดแล้วรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก เจ็บแบบแสบๆ แบบนี้ต้องรู้ไว้เลยว่ามันไม่ใช่อาการเจ็บแบบทั่วไป อย่ามัวเขินอาย ต้องรีบไปพบสูตินรีแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที

4. เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

Endometriosis หรือโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการเจ็บที่บริเวณ "อวัยวะเพศ" ของคุณ และส่งผลเสียต่อ "สุขภาพ" ด้วย

...

เกิดจากภาวะที่เยื่อบุผนังมดลูกเจริญภายนอกมดลูก ทำให้เกิดเยื่อบุหนาที่สลายตัวกลายเป็นเลือดประจำเดือนไปเรื่อยๆ จนร่างกายขับออกมาได้ไม่หมด ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงที่มีรอบเดือน และจะยิ่งเจ็บปวดมากๆ หากเยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญผิดที่ที่บริเวณใกล้ปากมดลูก อันนี้ต้องไปหาหมออย่างเดียวเลย อาจจะมีการผ่าตัดด้วย ไม่งั้นไม่หายนะจ๊ะ

5. เนื้องอกในมดลูก

ก้อนฟัยบรอยด์สในมดลูก (Fibroids) เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คุณเจ็บที่น้องสาว เป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงของกล้ามเนื้อมดลูก พบได้บ่อยในสตรีที่อายุเกิน 35 ปี ถึงร้อยละประมาณ 20-25 พบได้มากที่สุดในช่วงอายุ 40-50 ปี 

...

สันนิษฐานว่า...อาจเกิดจากพันธุกรรม เนื่องจากพบในครอบครัวสืบทอดกันมาค่อนข้างบ่อย เนื้องอกนี้จะพบในวัยเจริญพันธุ์ และเล็กลงหลังเข้าวัยหมดระดู ส่วนอาการเจ็บปวดมักเกิดจากการบิดของก้อนเนื้องอก, การเสื่อมสภาพของก้อน, มีเลือดออกในก้อนหรือมีการอักเสบ, มีการเปลี่ยนแปลงของก้อนไปเป็นมะเร็ง, การบีบตัวของมดลูก เป็นต้น 

เอาเป็นว่า...ไม่ว่าจะมีอาการเจ็บจากสาเหตุอะไร ถ้ารู้สึกเจ็บช่องคลอดมากๆ จนผิดปกติ แนะนำว่าให้ไปปรึกษาแพทย์ อย่าเดาโรคเอาเองและไปซื้อยามากินเอง เพราะแทนที่จะหาย แต่อาจเป็นอันตรายมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ต้องอายคุณหมอนะคะสาวๆ.

ติดตามอ่านเรื่องราว "สุขภาพ" ดีๆ มีประโยชน์กันต่อได้ที่ : 7 วิธีดูแล "จุดซ่อนเร้น" ในวันนั้นของเดือน! และ 3 วิธีห่างไกล 'โรคหัวใจ' ผู้หญิงทำงานวัย 30+ ต้องรู้!   

ที่มา : healthmed.cmusi.mahidol