แม่น้ำสุพรรณ ต้นสายมาจากปากคลองมะขามเฒ่า บริเวณวัดของหลวงปู่ศุข พระอาจารย์เรืองวิทยาคม ไหลเข้าสุพรรณเรียกแม่น้ำสุพรรณ ไหลเข้านครปฐมเรียกแม่น้ำนครชัยศรี และไหลลงทะเลที่สมุทรสาครเรียกแม่น้ำท่าจีน แม้จะมีหลายชื่อแต่ก็สายเดียวกัน

ริมแม่น้ำสุพรรณบริเวณบ้านโพธิ์พระยาบรรยากาศชวนฝัน คุณสุรศักดิ์ สาหร่าย หลอมใจกับคนในครอบครัวและญาติๆตั้งร้านอาหาร คุ้มคุ้งน้ำโพธิ์พระยา อยู่ที่บ้านโพธิ์พระยา ต.โพธิ์พระยา อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ร้านอยู่พอเหมาะพอดีกับจุดแม่น้ำโค้งคด ทำให้วิวทิวทัศน์น่าทัศนา ยิ่งแดดอ่อนๆ ตอนเย็นๆด้วยแล้ว นอกจากได้ลิ้มรสอาหารอร่อยลิ้น ยังได้ชมค้างคาวออกหากิน และริ้วคลื่นบางๆต้องสายลมเย็น

แถมยังฟังเสียงเพลงเพราะๆจากไอ้หนุ่มเสียงเหน่อ ลำภา มัคศรีพงษ์ ขับกล่อมมาจากเวทีอีกด้วย ทั้งหมดเจ้าของร้านเต็มใจจัดให้

“คุณชาย 2” ประเดิมด้วยพล่ากุ้งชะอมกรอบ กุ้งตัวโตๆ รสชาติกลิ่นอายสุพรรณแท้ๆ ไม่มีกลิ่นกรุงเทพฯมาเจือปน หอมเครื่องปรุงโชยมาอ่อนๆ ทำให้หนุ่มสุพรรณอย่าง “คุณชาย 2” เตลิดไปถึงสมัยเด็กๆ ที่เคยกินพล่ากุ้งฝีมือแม่ แต่คราวนี้ผิดกันที่กุ้งตัวโตกว่าและมีชะอมกรอบโปะมาด้วย

...

พล่ากุ้งสีออกแดงด้วยพริกเผา ประหนึ่ง ว่าจะเผ็ดลมออกหู ลองเข้าไปเต็มๆ พบว่าเผ็ดกับเปรี้ยวกลมเกลียวกันพอเหมาะพอดี ไม่เผ็ดอย่างที่คิด เติมเข้าไปอีกเพื่อทบทวนความทรงจำก็พบว่ารสชาติกลมกล่อม คราวนี้ตักกุ้งออกมาเพียวๆ เนื้อกุ้งสดใหม่ รับรู้ได้จากความหวานจากเนื้อกุ้ง ขณะที่ความเผ็ดร้อนเริ่มออกฤทธิ์ก็ตัดฤทธิ์เผ็ดร้อนด้วยชะอมกรอบเข้าไป จึงพอสรุปได้ว่า พล่ากุ้งของคุ้มคุ้งน้ำโพธิ์พระยาเขาดีจริง

ใช่ดีต่อลิ้นคนสุพรรณเท่านั้น แว่วเสียงจากเจ้าของร้านว่า เครื่องปรุงพล่ากุ้งในแต่ละวัน มีร้านอาหารจากกรุงเทพมหานครสั่งไปใช้ในครัวอีกด้วย อย่างนี้แกล้งๆถามว่า ทำไมไม่ไปเปิดสาขาในกรุงเทพฯเสียเลย ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่ต้องการขยายไปทางไหน ขอทำมาหากินอยู่กับบ้านเกิดก็พอ

รายการต่อไป ส้มตำปูม้า ส้มตำมะละกอใส่ปูม้าสดๆ ละเลียดเข้าไปเบาๆ พบว่าเผ็ดบางๆ ค่อนข้างจะแน่ใจแล้วว่า ร้านนี้ไม่เน้นเผ็ดมาก แต่นั่นไม่ได้หมาย ความว่าไม่เผ็ดแล้วจะไม่แซ่บ หากแต่เผ็ดแล้วยังแซ่บ เหมือนกับส้มตำทั่วไป และเหนือกว่าตรงมีเส้นมะละกอกรอบ ลองกัดขาปูม้าสดๆ เบาๆ ดูดเข้าไปช้าๆ ได้กลิ่นหอมเครื่องปรุงส้มตำและรสชาติปูม้าแท้ๆ

เหลือบไปเห็นคอหมูย่างกาแฟ พิเศษกว่าที่อื่นไม่ใช่ตรงกาแฟ แต่ตรงเลือกเอาเฉพาะเนื้อสันมาย่าง ไม่เอาเนื้อติดมันมาย่างเหมือนร้านทั่วไป สาเหตุที่ทำแบบนี้เจ้าของร้านบอกว่า ปัจจุบันมีคนถนอมสุขภาพกันมาก กินมันมากๆ ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ จึงจัดมาให้คนชอบรับประทานหมู แต่ไม่ชอบมันหมูเยิ้มๆ นับว่าเป็นการเอาใจลูกค้าด้วยอาหารจริงๆ

ท้องนา หนอง ลำห้วย และแม่น้ำบริเวณที่มีเสาหลักปักอยู่โคนไม้ แม้แต่บริเวณท่อนไม้ลอยนิ่งๆอยู่ในน้ำจะมีหอยขมเกาะ สถานที่ที่มีหอยขมชุกชุม บรรดาสัตว์ใช้ปากเดินนี้จะพร้อมใจกันมาเกาะรายเรียงอยู่กับหลักเสาไม้มากมาย ดังนั้น ร้านอาหารในจังหวัดสุพรรณจึงมักไม่พลาดรายการอาหารที่มีหอยขม

...

แกงคั่วหอยขม หอมกะทิและเครื่องปรุงโชยมาบางๆ ความมันของกะทิ ความหอมและพอเหมาะพอดีของเครื่องปรุง ทำให้เป็นอีกรายการหนึ่งที่ไม่น่า พลาด ยิ่งถ้ารับประทานกับข้าวสวยร้อนๆด้วยแล้ว ยิ่งควรอย่างยิ่ง คนที่เกรงว่าเนื้อหอยจะเหนียวนั้น ขอยืนยันได้ว่าไม่เหนียวอย่างที่คิด สมัยเด็กๆ “คุณชาย 2” เคยคิดแต่แกงหอยขมที่เรียกว่าหอย “จุ๊บ” นั่นหมายถึง นำหอยขมไปตัดก้นก่อนแกง ยกหม้อแกงร้อนๆลงมาตักใส่ชามแกง คราวนี้ใครจะกินก็ต้องใช้ความสามารถ หยิบหอยมาจุ๊บให้เนื้อหอยออกมาเอง ใครไม่มีความสามารถก็ซดน้ำไปพลาง ไม่มีใครว่าขานแต่ประการใด

...

เจ้าของยืนยันว่า ปลาช่อนลุยสวน เป็นรายการอาหารหลักของร้าน ไม่ว่าใครจะมาล้วนต้องสั่ง ลองพิสูจน์ราคาคุยดูก็พบว่า คนชอบรับประทานปลาไม่น่าพลาดอีกรายการหนึ่ง น้ำยำแซ่บ เนื้อปลานุ่ม เครื่องปรุงหอมกรุ่น เพราะวัสดุที่ใช้ล้วนคัดเลือกมาสดๆ คุณสุรศักดิ์บอกว่า รายการนี้เคยเข้าไปประกวด ปรากฏว่าได้รองชนะเลิศ ด้วยเหตุผลง่ายๆว่า ตกแต่งไม่สวยงาม แต่เรื่องรสชาตินั้นรับประกันได้

ลองไปหลายรายการแล้ว มองวิวทิวทัศน์บ้าง ร้านอาหารอยู่ริมแม่น้ำสุพรรณ (สายเก่า) เพราะช่วงนี้ถูกตัดขาดจากแม่น้ำสายหลักไปแล้ว เนื่องจากเป็นคุ้งน้ำ ทำให้ทางการเข้าไปจัดการเปิดเส้นทางใหม่ ส่วนที่เป็นแม่น้ำจึงกลายเป็นบึงขนาดยาว หรือทะเลสาบขนาดเล็กไป

น้ำยังเปี่ยมฝั่ง มองไกลออกไป ค้างคาวห้อยโหนอยู่บนต้นไม้ เจ้าของร้านบอกว่า ถ้าหากจะดูค้างคาวต้องตอนเย็น มันจะพากันบินออกไปหาอาหาร เราจะได้เห็นทรวดทรงมันเต็มตา ส่วนกลางวันมันมานอนพักผ่อน คนที่สายตายาวอาจมองเห็นได้ชัด ส่วนคนที่สายตาสั้นต้องมีกล้องส่องทางไกลถึงจะเห็นตัวค้างคาวได้ชัดเจน

ริมน้ำอากาศเย็นสบาย ยิ่งแดดร่มลมตกยิ่งเหมาะกับการสังสรรค์และการจัดเลี้ยง ร้านมีพื้นที่กว้างขวาง สามารถรองรับคนได้ไม่ต่ำกว่า 200 คน มีที่จอดรถไม่น้อยกว่า 30 คัน แถมยังจอดริมถนนได้อีกด้วย

...


กลางคืนมีดนตรีโฟล์กเหน่อของนักร้องและกวีชาวสุพรรณ ลำภา มัคศรีพงษ์ ร้องได้ทั้งเพลงลูกทุ่ง เพลงเพื่อชีวิต และเพลงตามคำขอ รอกล่อมลูกค้าตั้งแต่เวลา 18.00-21.00 น. จะเรียกว่าอาหารดี ดนตรีเพราะก็ไม่ผิดอย่างแน่นอน

คุณสุรศักดิ์บอกว่า ร้านนี้เพิ่งเปิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้นก็ทำร้านอื่นมาก่อน สำหรับร้านนี้เน้นอาหารพื้นบ้าน ลูกค้าที่เข้ามาเป็นครอบครัว การจัดร้านโปร่ง สบายตา มีที่นั่งโล่งๆริมน้ำในร้าน และมีห้องแอร์สำหรับ

คนชอบหลบอากาศร้อน เปิดทุกวันตั้งแต่ 10.00-22.00 น. โทร. 06-1264-2449 ราคาอาหารระดับปานกลาง และที่สำคัญ “เราทำเป็นระบบครอบครัวครับ ทำกันเองทั้งหมด ทั้งในครัว บริการ และเน้นอาหารพื้นบ้านแบบบ้านเรา ไม่ต้องกลัวว่าราคาจะแพง”

คนชอบอาหารพื้นบ้าน ไม่ว่าจะเป็นต้ม ยำ พล่า แกง ผัด และอีกสารพัดสารพัน ตรงไป พิสูจน์รสชาติกันได้ ร้านนี้นอกจากได้รับประทานอาหารรสดีแล้ว ยังได้ฟังดนตรีโฟล์กเหน่อเพลินๆ อีกด้วย.

คุณชาย 2