ในอ้อมกอดเมืองยอดแหลม สมบูรณ์ทั้งแหล่งอารยธรรมและข้าวปลาอาหาร

กลางฝนปรอยๆสลับกับฟ้าเหมือนคนเป็น ไข้ “คุณชาย 2” ผ่านมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ตรงไปยังแหล่งส้มโอนครชัยศรีราว 9 กม.ก็เห็นป้ายร้านอาหาร “อู่ข้าวอู่ปลา” ด้านขวามือ เลี้ยวเข้าไปแล้วเปิดประตูรถออกสูดอากาศสดๆ มองทุ่งนาเขียวขจีอยู่หลายอึดใจ ค่อยเดินเข้าร้าน

ร้านเป็นอาคารชั้นเดียว แบ่งเป็นส่วนนั่งรับประทานอาหาร มุมกาแฟ เวทีดนตรี และมีนิทรรศการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ลูกค้าสองสามคนเดินชมอย่างสบายอารมณ์ ท่ามกลางเสียงดนตรีเพลงเพื่อชีวิตขับขานหลากหลายอารมณ์

ข้าวเปล่าร้อนๆมาพร้อมกับแกงคั่วหอยขม กลิ่นกะทิสดประสานมากับส่วนผสมเครื่องแกงและใบชะพลูหอมสดชื่น ละเลียดเข้าไปเบาๆ น้ำแกงของร้าน “อู่ข้าวอู่ปลา” แปลกตรงแม้จะดูเข้มข้นแต่ก็เผ็ดอย่างนุ่มนวลเหมือนมีอะไรบางอย่างมาช่วยหยุดความร้อนแรงของพริกไว้ ซดเบาๆตามเข้าไปอีกจึงยืนยันได้ว่า คนที่ชอบรับประทานอาหารเผ็ดอย่างมีมารยาท ไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง

...

กลิ่นของใบชะพลูหอมสดชื่น ชวนให้คิดถึง “ดอกสร้อยร้อยบุปผาฯ” ของสัจภูมิ ละออ เขียนบอกไว้ตอนหนึ่งว่า “กินกับเมี่ยงใบสดๆรสชั้นเลิศ เบาหวานเกิดดีแน่ช่วยแก้ได้ ช่วยเลือดลมเดินดีมีสุขใจ ปวดท้องให้ถอนทั้งห้ามาต้มเอย” เห็นไหมว่าใบชะพลู นอกจากให้กลิ่นสดชื่นแล้ว ยังมีคุณทางยาด้วย ใครได้กินกับข้าวสวยร้อนๆจะได้ทั้งรสอร่อย กลิ่นหอม และคุณค่าทางสมุนไพร

บรรยากาศชายทุ่ง น้ำพริกปลาทูดูเหมาะสมกันดี ดูสิ...เคียงมากับผักหลากชนิด ทั้งแตงกวา มะเขือ ผักกาด ผักบุ้ง ฟักทอง แต่ละชนิดจิ้มน้ำพริกกินกับข้าวร้อนๆ ระหว่างเคี้ยวก็มองท้องทุ่ง คนที่มีพื้นเพบ้านนอกอย่าง “คุณชาย 2” พอได้มองท้องทุ่งใจก็เตลิดไปถึงวัยเยาว์ “ใบข้าวคมเรียวเกี่ยวแก้มเป็นรอย เลือดย้อยนวลปราง ยิ่งงามไม่สร้างประทับ ใจข้า” แนะเพลงน้องนางบ้านนา บทประพันธ์ของครูไพบูลย์ บุตรขัน แว่วเข้ามาจนได้

หันมาชิมรสน้ำพริก แม่ผ่องศรี วรนุช เคยร้องแก้กับสายัณห์ สัญญา เนื้อเพลงท่อนหนึ่งว่า “กินข้าวกับน้ำพริกสิจ๊ะ ถึงได้สะได้สวย” อยากจะบอกแม่ผ่องศรีจริงๆ ว่า นอกจากแม่จะสวยแล้วยังเสียงดี แถมร่างกายแข็งแรงอีกด้วย รสของน้ำพริกร้านอู่ข้าวอู่ปลาอาจเบรกด้วยกะปิและผักที่หั่นใส่ ทำให้เป็นน้ำพริกเผ็ดเบาๆ ลองตักราดบนข้าวร้อนๆ ส่งเข้าปากแล้วตามด้วยแตงกวา ความร้อนของพริกดับด้วยรสเย็นของแตงกวาได้เหมาะเจาะดี บิปลาทูทอดแนมเข้าไปเล็กน้อย คราวนี้ดูเหมือนจะต้องห้ามใจตัวเองเอาไว้บ้าง ด้วยเกรงว่าอาหารอื่นๆจะรสจางไปเพราะความอิ่ม

นั่น...แกงป่าลูกชิ้นปลากราย น้ำแกงซดได้สบายๆ แม้จะเต็มไปด้วยเครื่อง ปรุงรสอันแรงร้อน แต่ด้วยชั้นเชิงการปรุงน้ำแกงป่าข้นๆจึงเผ็ดแต่พองาม เจ้าของร้านบอกว่า การดึงความเผ็ดให้ลดลงมานั้นประการสำคัญคือกะปิ ส่วนความหอมนั้นมาจากน้ำกระชายสดๆ นวดเอามาใส่แต่น้ำ ทำให้น้ำแกง ป่ามีกลิ่นหอม นี่จะเรียกว่าเผยเคล็ดได้ไหมหนอ

รายการเด็ดของร้านยังมีอีกมากมาย อาทิ ไข่ตุ๋นต้มยำ ไข่ตุ๋นนอนอยู่เบื้องล่าง ด้านบนใส่เครื่องยำน้ำเปรี้ยว หอมมะนาวและพริกสดๆ เหมาะสำหรับทานเล่นๆ หรือแก้อาการสะลึมสะลือหลังจากร่ำน้ำดีกรีเข้าไปบ้างแล้ว

...

รายการน่าสนใจสำหรับรับประทานกับข้าว ยังมีแกงกะทิปลาสลิดใบมะขาม ความเข้มข้นของกะทิสด ไม่อนุญาตให้ทิ้งไว้นานๆเพราะจะเป็นไข ดังนั้น เมื่อมาถึงโต๊ะร้อนๆ ก็ควงช้อนซดได้ทันที มันนิดๆ เปรี้ยวหน่อยๆ เค็มน้อยๆ พอเหมาะพอดี

ร้าน “อู่ข้าวอู่ปลา” มีอาหารพื้นบ้านหลากรายการ ไม่ว่าจะเป็นผัด ต้มยำ แกง และอีกสารพัด ใครที่ถนัดอาหารแนวบ้านทุ่งไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง เมื่อชิมหลายรายการแล้ว ก็อดทึ่งไม่ได้ว่า ทำไมร้านนี้ถึงได้อร่อยแบบพื้นบ้าน คุณวทันยา สวัสดิ์พึ่ง เจ้าของร้านให้คำตอบว่า เพราะครอบครัวเธอทำอาหารอร่อย ประวัติการเปิดร้านเธอเล่าให้ฟังว่า หลังเรียนจบเพาะช่างก็ทำงานบริษัทผลิตหนังสือ ครั้นธุรกิจหนังสือร่วงโรย เธอก็หันหน้ากลับบ้าน อาศัยว่ามีฝีมือทำอาหาร มีที่ดินเป็นของตนเองไม่ต้องเช่า แถมแม่และพี่ๆมีฝีมือปรุงอาหารจึงชวนกันตั้งร้าน

อาหารยุคแรกๆที่เรียกลูกค้าได้ดี เธอบอกว่า เน้นอาหารพื้นบ้านเป็นหลัก อย่างน้ำพริกปลาทูทอด แกงกะทิปลาสลิดใบมะขามอ่อน และแกงคั่วหอยขม ทั้งสามรายการยังเป็นพระเอกของร้านมาจนบัดนี้

...

เสน่ห์ของร้านนอกจากอาหารรสดี ราคาปานกลาง และจานเขื่องแล้ว ยังมีบรรยากาศข้างร้านดีอีกด้วย มองออกไปเห็นทุ่งนาข้าวเขียวขจี ระเบียงร้านมีสระบัวหลวงให้พักสายตา ถ่ายภาพเล่นตามอัธยาศัย และอยากเดินเล่นก็แค่ออกจากร้าน เดินไปตามถนนเลียบร้านไปดูนกน้ำ ชมริ้วใบข้าวคราวลมต้อง ยิ่งแดดอ่อนๆ ตอนเย็นๆจะเห็นระบำใบข้าวล้อกับสายลมแสนเพลินพาตาสุขใจ

ร้านเปิดมาตั้งแต่ พ.ศ.2542 ผ่านกาลเวลามาด้วยรสชาติอาหารและบรรยากาศชายทุ่ง เหล่าศิลปินไม่ว่าจะเป็นวงการวาดภาพและวงการเขียนแวะเวียนมาไม่ขาด บาง คราว เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ มาเป่าขลุ่ยร่ายกวี บางคราป่อง ต้นกล้า ก็มาสีซอให้ฟัง รายการหลังนี้ขออนุญาตเรียนว่า อย่าคิดเกินเลยไปเดี๋ยวจะไม่งาม

...

เวลาเปิดร้านคือระหว่าง 10.00-21.00 น. หยุดทุกวันจันทร์ ยกเว้นวันจันทร์ที่ตรงกับวันนักขัตฤกษ์ก็จะเปิดขาย สอบถามได้ที่เบอร์ 09-4770-7958, 08-6899-3167

นครปฐมเป็นดินแดนวัฒนธรรม นอกจากมีโบราณสถาน โบราณวัตถุให้ศึกษามากมายแล้ว ความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินก็เอื้อให้เกิดอาหารการกินอร่อยๆ

ถ้าต้องการชิมอาหารแบบพื้นถิ่น บรรยากาศ ดี “คุณชาย 2” แนะนำร้าน “อู่ข้าวอู่ปลา”.

คุณชาย 2