หาดแหลมรุ่งเรือง อ.เมืองระยอง เคยเป็นสนามแข่งขันกีฬาเย่อกับปลาชื่อ “มัจฉา หาคู่”...“คุณชาย 3” มีโอกาสได้รู้จัก 1 ใน 7 เชฟ “อินฟลูเอนเซอร์” วัย 26 เจ้าถิ่น ...สัญญาว่าลมเพลมพัดไประยองวันใดต้องไปลองชิมฝีมือให้จงได้

ครั้งนี้เพิ่งสมหวังไปบ้านเพแล้วต่อไปใช้ทาง 3145 ถึงเขตเทศบาลตำบลสุนทรภู่กิโลเมตรที่ 21 เหลืออีก 5 กิโลเมตรก่อนถึงหาดแม่พิมพ์เลี้ยวขวา 600 เมตร เช็กอินที่ “บุญเพ็ชร รีสอร์ท”

ตรงร้านอาหารริมทะเลได้พบกับเชฟหนุ่มสมใจ นามว่า “มิว” ภาณุพงษ์ ควรหา ลูกชายเจ้าของรีสอร์ต เป็นเชฟทำอาหารแบบครูพักลักจำแต่ครั้งยังเรียนชั้นประถม จากนั้นเรียนต่อวิชาโภชนาการที่วิทยาลัยดุสิตธานีกับศึกษาวิธีทำ “ซาซิมิ”

โดยใช้วัตถุดิบปลาอ่าวไทยที่น่ากินไม่แพ้ “ปลามากูโร่” คนไทยรู้จักดีในชื่อ “ทูน่า”

“ซาซิมิปลาไทยให้สังเกต” เชฟมิว แนะ

...

“เวลาเคี้ยวเนื้อกรอบนุ่มไม่เลี่ยนไขมันต่ำเคี้ยวสักพักจะหวาน ที่เอามาใช้มีปลากระต่ายขูด สร้อยนกเขาทะเล หางเหลี่ยมเหลือง กะลังแดง กะพงข้างปาน กะพงข้างเหลือง อีเปี๊ยะ ส่วนปลาใบขนุนแต่ก่อนจะถูกทิ้งเพราะเนื้อเหนียวแล้วเหม็นคาว...แต่ทุกวันนี้กลายเป็นปลายอดนิยมมีราคา”

ปลากลุ่มนี้นิสัยชอบสันโดษไม่อยู่รวมกัน ชาวประมงจึงได้มาน้อยต้องเลือกพันธุ์สลับกันไปและคัดเอาเฉพาะตัวใหญ่ ตัวเล็กจะโยนทะเลรอให้มันโตเต็มที่รสชาติจะเข้มข้นขึ้น กับช่วยอนุรักษ์พันธุ์ปลาได้อีกด้วย

0 0 0 0

ทำอาหารให้อร่อยต้องรู้จักวัตถุดิบจากทะเลเป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น ปูม้าถ้ามาจากอ่าวไทยตะวันออกเชื่อได้ว่าคุณภาพจะดีกว่าถิ่นอื่น เพราะทะเลเป็นดินทรายไร้โคลน ราคาต้นทุนจึงสูงที่ 500++ เวลาขายไซส์ใหญ่ได้ 700 ถึง 750 บาท...ไม่เคยเห็นใครคอยบ่นสักคนเดียวว่าแพง

ที่สำคัญคนเป็นเชฟต้องรู้วิธีเก็บรักษาปลา ให้แขวนไว้ในตู้ดรายเอจ อุณหภูมิ 1-5 องศาฯ 3-5 วันรสจะเข้มหวานมัน ถ้าจะถนอมอาหารใส่ถุงสุญญากาศแช่เย็นอยู่ได้ 7 วัน

เน้นว่า...ซาซิมิเป็นศาสตร์ศิลปะประดิษฐ์ต้องผ่านกระบวนการ “อิเคะจิเมะ” คือฆ่าปลาให้ตายอย่างสงบไม่ทรมาน

มิเช่นนั้นมันจะหลั่งสารเพิ่มความเครียดออกมาลดความอร่อยทันที

เอาเป็นว่า...ซาซิมิที่เชฟมิวใช้มื้อนี้คือ “ปลากระต่ายขูด” หรือ “ครูดคราด” บ้างก็เรียก “ครืดคราด” เห็นบรรจงเรียงใส่จานเสิร์ฟเคียงหัวไชเท้ากับแครอทหั่นฝอย เหน็บหัวปลาเป็นดีไซน์ให้ดูเก๋ไก๋

ที่ขาดไม่ได้คือ “โชยุ” ซอสถั่วเหลืองผสมวาซาบิพืชในวงศ์ผักกาดไว้จิ้มกินคู่กัน

ลองแล้วรสชาติอืมม์...ไม่แพ้ร้าน “อิซากายะ” ใต้สะพานสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ แล้วจริงอย่างเชฟบอกรสชาตินั้นไม่เลี่ยนไม่คาวไขมันต่ำยิ่งเคี้ยวยิ่งหวานจากความสด

แถมบรรยากาศริมทะเลมีเสียงคลื่นซัดทราย ชายหาดด้วยแล้ว...โอ้แม่เจ้า! ช่างโรมานซ์ ราวกำลังใช้ชีวิตอยู่บนเกาะโอกินาว่าปานนั้นเลยทีเดียว

“ปลาชนิดเดียวกันจะเอาไปทำต้มยำกินเนื้อซดน้ำก็ได้ รับรองไม่มีฟองคายกลิ่นคาวจาก เนื้อปลา แต่ถ้าผ่านกระบวนการดรายแห้งไม่แนะนำให้ทำอย่างอื่น เนื่อง จากเนื้อจะแห้งแต่กรอบเหมาะสำหรับทำเมนูซาซิมิอย่างเดียวเท่านั้น” เชฟมิว ว่า

0 0 0 0

...

นอกจากซาซิมิปลาไทยเชฟลูกทะเลแห่งตำบลสุนทรภู่คนนี้ ยังแนะนำให้ลองชิม “ทะเลผัดพริกเกลือ 3 ชาติ” ประกอบด้วยพริก 9 ชนิด มีพริก พริกไทยขาว-ดำ พริกขี้หนูแห้ง พริกซวง เจียเสฉวน จินดาแดง-เขียว ชี้ฟ้าแดง-เขียว พริกขี้หนู ผัดได้ห๊อม...หอม

อบอวลกลิ่นพริกเสฉวนกับมันพริกแกงหวานกุ้งและหอยแมลงภู่ทะเลสด หรือหมึกสดจริงจึงไม่เหนียว ใช้ซอสอเนกประสงค์ปรุงเองโรยด้วยต้นหอมโปะหน้าอีกที...อร่อยเด็ดโดนใจไปอีกหนึ่งเมนู

แล้วก็มาถึงเมนูต่อมา “ผัดไทยเส้นแกลงผัดทะเล” เคล็ดไม่ลับใช้ปลากุเลาทอดปั่นใส่ซอสผสมหอมแดง กระเทียมสดและดอง พริกชี้ฟ้าแห้งเม็ดใหญ่ใส่กะปิเล็กน้อยเหยาะหัวน้ำปลาให้เค็มนิดๆ

“น้ำตาลมะพร้าวเรียกหวานหน่อยๆ ใช้เปรี้ยวมะนาวเป็นตัวนำขณะผัดเส้น และทริกอยู่ที่ให้กินขณะร้อนๆมีไข่คนแต่งรสให้ละมุน”

สุดท้ายก็มาปิดจ๊อบกันที่ “กะพงสองใจ” เป็นปลากะพงขาวเลี้ยงน้ำกร่อยจากฟาร์ม อ.แกลง เชฟคุยว่าได้สูตรจากลูกค้าคนหนึ่งชอบทอดกระเทียม อีกคนชอบทอดน้ำปลาก็เลยเอามาปรุงรวมกัน

...

“ผมจะใช้ซอสหัวน้ำปลาเคี่ยวไม่เค็มเกินไป ใส่น้ำตาลมะพร้าวแต่งหวานยำมะม่วงเติมเปรี้ยวผสมหอมแดงกับพริกหอมแดง”...เมนูนี้ลองแล้วจะติดใจ เรียกว่าผู้ใหญ่กินได้เด็กก็ชอบกินนะจ๊ะ

“บุญเพ็ชร รีสอร์ท” มีเมนูสุโค่ยไว้รองรับหลากหลาย...อยากให้มาลองกันให้ได้โดยเฉพาะซาซิมิปลาไทยฝีมือเชฟ “อินฟลูเอนเซอร์” สนนราคาเริ่มต้น 250...310...550 บาท

อีกทั้งยังมีเมนูบ้านๆ ทันสมัย เช่น ปลาทะเลผัดพริกเกลือ 250 บาท อาหารจานเดียว 80 บาท ร้านเปิด 10 โมงเช้าปิด 2 ทุ่ม...วันหยุดเปิด 11 โมงปิด 4 ทุ่ม โทร. จองล่วงหน้ากันได้ที่เบอร์ 09-8845-1656

เที่ยว “ทะเลแม่พิมพ์” ทั้งที...ไม่ว่าจะกินอาหารฟีเวอร์ญี่ปุ่น หรือจะ...อร่อยอาหารถิ่นสไตล์บ้านๆท่ามกลางบรรยากาศสุดฟินแบบนี้ แถมราคาที่ต้องควักกระเป๋าจ่ายก็ไม่แพงตุกติกสะกิดหัวใจให้ห่อเหี่ยว ต้องที่นี่เลย... “บุญเพ็ชร รีสอร์ท” ฮิ!

คุณชาย 3

คลิกอ่านคอลัมน์ “คุณชายตะลอนชิม” เพิ่มเติม