ย่านอารีย์ พหลโยธิน 7 กลายเป็นแหล่งยึดครองของหนุ่มสาวไอต้าว ทั้งไทยและต่างชาติมีจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ผสมโรงจึงมีแต่ร้านกาแฟสมัยใหม่สไตล์ญี่ปุ่นเกาหลีนำหน้า ทิ้งตะวันตกไว้ตามหลังเป็นสตูดิโอถ่ายภาพขิงเพื่อนๆไม่ให้ตกยุค 5 จี

“คุณชาย 3” ไปย่านนี้โดยเลือกร้านบราสเซอรี่ ชื่อ “ซอลท์” มีอาหารชวนกินเครื่องดื่มชวนชิมห่างสถานีบีทีเอสอารีย์ 500 เมตร อยู่ริมถนนตรงมุมปากซอยอารีย์ 4 ใต้ ชื่อร้านที่แปลว่า “เกลือ” ที่มาคือปี 2554 ตอนเปิดร้านใหม่ๆมีโต๊ะ 7-8 ตัว คราวนั้นจัดเต็มคาราเบล แต่อาหารญี่ปุ่นมีเกลือผสมอาหารแทบทุกชนิด ก็เลยเลือกเป็นชื่อร้าน...แต่ไม่เวิร์กเพราะทำไม่ทันออเดอร์ ที่สุดลดเหลือแค่ซูชิหนักไปทางข้าวกับปลาและกริลล์บางอย่าง

บังเอิญชื่อเกิดไปซ้ำกับร้านกินดื่มแถวนาจอมเทียน และหาดแสงจันทร์ระยองโดยหาได้เป็นคลัสเตอร์กันไม่ แต่น่าชื่นชมอยู่อย่างตรงฉลาดเอาชื่อนี้มาเป็น “แบรนด์” ซึ่งง่ายต่อการจดจำ

การออกแบบร้านก็ดูหล่อสมาร์ทแคชชวล เหมาะกับคนชอบมาเดินบนถนนสายนี้ โดยพื้นที่ส่วนหนึ่งโอเพ่นแอร์ อีกส่วนเป็นเรือนกระจกติดเครื่องปรับอากาศ ขอเลือกมุมนี้พลางดูเมนูเครื่องดื่มมีทั้งชา กาแฟ น้ำผลไม้ปั่น ค็อกเทลนั่นแน่! สารพัดมีสาเกญี่ปุ่น วอดก้ารัสเซีย เหล้าจินอังกฤษ แต่เลือกไวน์แดงสายพันธุ์อเมริกัน

...

สักครู่...เมนูสตาร์ทเตอร์ถึงเบิกโรงเป็น “ซีซอลท์ ทรัฟเฟิล ราวิโอลี่” ดัดแปลงมาจากของกินฮิตสุดฮ็อตตำรับอิตาลี...“เป็นแป้งพาสต้าบางๆสองแผ่นห่อประกบคล้ายเกี๊ยว ไส้ในห่อแซลมอล ทูน่า แล้วก็กุ้ง ปรุงด้วยซอสเนยกระเทียมกับครีมมะเขือเทศ แล้วก็ซอสพาสต้าเรียกกลิ่นหอม ไม่ลืมเหยาะน้ำจิ้มซีฟู้ดให้ได้รสไทยๆ โรยหน้าด้วย
ไข่กุ้งให้ดูน่ากิน”

คนเรกคอมเมนด์จานนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน นางคืออินฟลูเอนเซอร์สาวนามว่า “อันธิกา เทพารักษ์” หรือ “กิ๊บ” เจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพเปิดมาตั้งแต่ 1 มกราคม 2011

พลันได้ชิมแป้งพาสต้ารู้สึกได้ทันทีว่า นุ่มหอมกลิ่นครีมและซอสอย่างลงตัว น่ากินที่แต่งหน้าด้วยเห็ดออรินจิ ได้รสแซลมอน ทูน่ากับกุ้งฝังอยู่เนื้อในอย่างถูกปากฟินสุดๆ แต่ขอแนะนำเพิ่ม “ซีซอลท์ การ์ปัชโช” วัตถุดิบเป็นเนื้อสัตว์หรือปลาแซลมอน ทูน่า แบบดิบๆสำหรับเรียกน้ำย่อย

หรือจะสั่งเป็นชุดพิเศษ “แซลมอนยูโซะครูโด” แล่เนื้อปลาบางๆไร้เทียมทานเลยจริงๆ

@@@@@@

เมนูที่สองลองชิมซิกเนเจอร์ของ “ซอลท์” ลูกค้าชอบสั่งคือ “กริลล์ ออคซ์ ทัง” ภาษาชาวบ้านเรียก “ลิ้นวัวย่าง” ที่นี่ใช้ลิ้นวัวคุณภาพหมักกับรากผักชี กระเทียม พริกไทย ซอสปรุงรส โดยใช้เวลาหมักนาน 2-3 ชั่วโมง ให้เนื้ออุ้มเครื่องปรุงดีแล้วถึงเอาไปย่างแค่สุกพอประมาณ

จากนั้นหั่นเป็นชิ้นๆกินแล้วพูดได้เลยว่าเนื้อหวานมันธรรมชาติ มีกลิ่นซอสปนควันจากเตาถ่านชวนกินชะมัด...ที่ทีเด็ดไม่แพ้กันได้แก่ “เนื้อริบอายวาซาบิ” โดยปกติวาซาบิเป็นพืชที่คนญี่ปุ่นนิยมนำมากินคู่กับซูชิจิ้มซอสจิ๊กโฉ่ว แต่นี่กินกับเนื้อจะไปกันได้ยังไง?

“ได้สิ...” กิ๊บ เฉลย “เราเอาเนื้อริบอายตรง ส่วนกล้ามติดกระดูกสันหลังวัว ซึ่งมีข้อดีคือไขมันเยอะเคี้ยวแล้วเด้งดึ๋ง ได้วาซาบิเพิ่มความเผ็ดร้อนช่วยให้เนื้อละลายในปากอย่างมีรสชาติ”

เมนูถัดมาเป็นถาดพิซซ่าเพิ่งออกจากเตาอบร้อนๆเรียก “ทรัฟเฟิล” ประกอบด้วยพาสต้าชีสตามแบบอย่างคนอิตาเลียนนิยมกินกัน แต่ของ “ซอลท์” จะใช้ซอสเห็ดทรัฟเฟิลปรุงไว้ภายในพร้อมพริกไทย กระเทียม “ใช้น้ำมันมะกอกคลุกนิดหน่อยไม่ให้ติดภาชนะ แล้วแต่งหน้าด้วยเห็ดออรินจิ หรือชิเมจิ ที่แม้แต่คนญี่ปุ่นยังเชื่อว่าเห็ดชนิดนี้มีประโยชน์ต่อร่างกาย”

...

อีกถาดต่อด้วย “พิซซ่า โฮมเมด” เห็นใช้แป้งมากแบบไม่หวงแต่รีดแผ่นบ๊าง..บาง เพื่อเวลากินจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องขบเคี้ยว ความโดดเด่นพิซซ่าถาดนี้อยู่ที่แบ่งหน้าออกเป็น 2 ฝั่ง ให้ฝั่งหนึ่งเป็น “โฟร์ชีส” เห็ดทรัฟเฟิล 4 ชิ้น ส่วนอีกฝั่งเป็นข้าวโพด 4 ชิ้นให้เลือกกินสลับกันไป

@@@@@@

พักยกกันสักครู่ แล้วมาว่ากันต่อถึงอีกเมนูอร่อย ว่าก็ว่าคุณชายฯจะไม่แนะนำคงไม่ได้ด้วยเป็นซิกเนเจอร์ประจำ “ซอลท์บราสเซอรี่” ย่านอารีย์เช่นกัน นั่นคือ “เมนไทโกะ มาสคาร์ โปเน สเต๊ก” ที่ชาวเราเรียก “สเต๊กไข่ปลาค็อด” ซึ่งพบมากบริเวณน้ำลึกทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิกโน่นเลย

อีกจานถึงคิวคนชอบจิบไวน์แดงกินคู่เมนูเนื้อ ได้แก่ “ฮากาตะ วากิว ริบอาย” ใช้เนื้อวากิวแท้จากเมืองฮากาตะ จังหวัดฟุกุโอกะ ชายฝั่งทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะคิวชู ญี่ปุ่น ที่ได้ชื่อว่าคือแหล่งเลี้ยงวัว 4 สายพันธุ์หลักประเภทขนดำ ขนน้ำตาล เขาสั้น และพันธุ์ไร้เขา ซึ่งคนประเทศนี้นิยมฟูมฟักพันธุ์ขนดำไว้มากสุดเพื่อการบริโภค อีกทั้งวากิวถูกจัดเป็นเนื้อเกรดเอ...ตรงนุ่มเป็นพิเศษมีความหวานชวนกินเลยแหละ

...

แล้วก็ยังมีเมนูหลากชนิดอีกมากอาทิ “กริลล์ ไทเกอร์ พรอน ริชอตโต้” ฟิวชันข้าวกล้องคลุกซอสครีมกับกุ้งลายเสือ ไม่อย่างนั้น “ปลาหิมะย่างเกลือ” เนื้อนุ่มละลายในปากกินกับผักคล้ายผักกวางตุ้ง หรือจะเป็น “ปลาแซลมอลย่างกับแอสพารากัส” ใส่ซอสมัสตาริกาแถม “ดิล” ผักชีลาว

นอกจากนี้แล้วสำหรับคนชอบหมูดำต้องสั่ง “คุโรบูตะ” ชื่อญี่ปุ่นแต่กำเนิดจากหมูป่าอังกฤษ เรียกว่า “ซอลท์” จัดให้มีให้กินกับ “ยากินิกุ” ซอสหวานๆเค็มๆมีแอปเปิ้ลปั่นผสมมาด้วย...พอคุณชายทดสอบรสชาติอาหารจนอิ่มอร่อยดีแล้ว ครานี้ได้นาทีสรุปเรื่องราคา...มีเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยบางจาน ถึงหลักพันระดับพรีเมียมบางเมนู ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่นำมาใช้พร้อมคุณภาพการปรุงและบริการที่ให้กับลูกค้าทุกคน

“ซอลท์” เปิดทุกวันตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน...วันศุกร์–อาทิตย์เริ่มตั้งแต่บ่ายโมงถึงเที่ยงคืน สนใจโทร. 09–8742–4989 สิจ๊ะ!

คุณชาย 3

...

คลิกอ่านคอลัมน์ “คุณชายตะลอนชิม” เพิ่มเติม