รอบนี้หมุดหมายการไปเที่ยวอำเภอหัวหิน คือการพาครอบครัวเข้าร่วมกิจกรรมปล่อยลูกปูม้ากับ “ธนาคารปูม้าเขาตะเกียบ” บริเวณศาลาแปดเหลี่ยม ท้ายซอยเขาตะเกียบ 1 เป็นจุดปล่อยสัตว์ทะเลคืนสู่ธรรมชาติ นอกจากปูม้าแล้วยังมีแมงดาทะเลให้เด็กๆเขียนชื่อตัวเองลงไปบนกระดองได้ เพราะหากชาวประมงลากอวนติดจะนำมาคืนให้ธนาคารปูม้าเขาตะเกียบ นอกจากนี้ยังมีไข่ปูหลายล้านฟองให้ผู้ร่วมกิจกรรมปล่อยสู่ท้องทะเล เพื่อเป็นการรักษาระบบนิเวศทางทะเลและฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ

สำหรับกิจกรรมปล่อยลูกปูม้ากับ “ธนาคารปูม้าเขาตะเกียบ” ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าร่วมได้แบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย ในเวลา 09.00 น. ของทุกวัน เห็นเด็กๆสนุกสนานกับกิจกรรมปล่อยสัตว์ทะเลคืนสู่ธรรมชาติ ได้สัมผัสสัตว์น้ำทั้งปูม้าและแมงดาทะเลอย่างใกล้ชิด เรียนรู้การอยู่ร่วมกันระหว่างคนและสัตว์น้ำ ในฐานะผู้ปกครองผมรู้สึกอิ่มใจเหลือเกินที่เห็นลูกได้ซึมซับกับกิจกรรมการอนุรักษ์สัตว์น้ำแบบนี้ อยากเชิญชวนผู้ปกครองพาบุตรหลานไปทำกิจกรรมดีๆกันนะครับ

...

หลังปล่อยปูสู่ทะเลเป็นที่เรียบร้อย ท้องผมเริ่มร้องโครกครากด้วยความหิว ขับรถออกจากซอยเขาตะเกียบ 1 ไปไม่ไกล เลยซอยเขาตะเกียบ 3 ไปนิดเดียว เห็นร้านอาหารเช้าร้านหนึ่งขายดีเหมือนแจกฟรี คนนั่งกินกันแน่นขนัด บ้างยืนออรอคิวที่หน้าร้าน บ้างรอสั่งใส่ห่อกลับบ้านบรรยากาศดูคึกคัก สมาชิกในครอบครัวลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าจะทานที่ร้านนี้

“คุณชายตะลอนชิม” สัปดาห์นี้ “คุณชายแป๊ะ” ขอแนะนำร้าน “ปิ่นโต” ของ “คุณศักดิ์ สมศักดิ์ ใจดี” อายุ 50 ปี “คุณปัท–ปัทมา นิลดวงแก้ว” อายุ 47 ปี สองสามีภรรยา มาร้านนี้ร้านเดียว อิ่ม อร่อย จุใจ กับรายการอาหารหลากหลายเมนูให้เลือกชิม ทั้งขนมจีบ ซาลาเปา เครื่องดื่มอย่าง กาแฟโบราณ ชาไทย ไมโล โอวัลติน ผมสั่งกาแฟโบราณมาดื่มเพิ่มความกระชุ่มกระชวยให้แก่ร่างกาย

กวาดตามองไปที่ป้ายเมนูข้างร้าน มีอาหารเช้าให้เลือกทานทั้ง โจ๊กหมูเด้ง, โจ๊กปลา, โจ๊กทะเล และโจ๊กหมูเครื่องใน ใครใคร่ทานโจ๊กอะไรมีไว้บริการครบครัน ถัดไปเป็นเมนูข้าวต้ม สารพัดวัตถุดิบเช่นกันทั้ง ข้าวต้มปลา, ข้าวต้มหมูเด้ง, ข้าวต้มทะเล, ข้าวต้มซี่โครงหมู และข้าวต้มหมูบะเต็ง ประเภทเกาเหลามีให้เลือกอย่าง เกาเหลาเลือดหมู, เกาเหลาปลา, เนื้อปลาลวกจิ้ม เรียกได้ว่า ทุกเมนูล้วนยั่วน้ำลายไปหมด และทีเด็ดของร้านถ้ามาช้ารับรองอด คือ ข้าวมันไก่ ที่ผมไปแล้วไม่ได้ชิม เนื่องจากขายดีหมดก่อนใคร ถามไถ่ได้ความว่า สาเหตุที่หมดไวเพราะร้านนี้มีทีเด็ดที่ น้ำจิ้มเต้าเจี้ยว นั่นเอง

หลังจดรายการอาหารที่อยากรับประทานยื่นให้พนักงาน ครู่เดียวอาหารเริ่มทยอยมาเสิร์ฟ เริ่มจาก “ข้าวต้มปลา” เนื้อปลาน้ำดอกไม้แล่เนื้อล้วนๆ เคี้ยวแล้วเต็มปากเต็มคำ ไร้กลิ่นคาว หอมกระเทียมเจียวและใบขึ้นฉ่าย เพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยขิงซอย ที่สำคัญคือน้ำซุปของข้าวต้มซดคล่องคอ ใครชอบทานแบบไม่ปรุงอะไรเพิ่มเลยเช่นผม รับประกันว่าถูกปาก ถูกใจแน่นอน ทั้งความหอม และรสชาติไม่เค็มเกินไป แต่ถ้าใครอยากเพิ่มอรรถรสในการกินให้เข้มข้นยิ่งขึ้น ทางร้านมีน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวไว้บริการ รสชาตินัวแซ่บถึงรสชาติ ทานกับข้าวต้มก็ดี ทานกับปลาลวกจิ้มก็ได้

“เกาเหลาเลือดหมู” อีกหนึ่งเมนูยอดนิยม น้ำซุปแบบเดียวกับข้าวต้ม ด้วยรสชาติของน้ำซุปนำไปปรุงกับเมนูไหนก็อร่อยเข้ากัน โดยเฉพาะเครื่องในหมูผ่านการเคี่ยวมาได้อย่างพอดิบ พอดี ไม่เหนียวหรือเปื่อยเกินไป เอาตะเกียบคีบเครื่องในจิ้มพริกน้ำส้มส่งเข้าปาก ใช้ตะเกียบพุ้ยข้าวตาม กินแบบนี้แล้วมันอร่อยถึงใจ

พีกในพีกต้องยกให้ชามนี้ “ข้าวต้มทะเล ใส่หมูบะเต็ง” อร่อยคุ้มค่า ทั้งปลา หมู หมึก กุ้ง อัดแน่นมาเต็มชาม หมูบะเต็งรสหวานนำ ทำให้เกิดความหลากหลายรสชาติในข้าวต้มชามเดียว เขาตะเกียบขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทั้งปลา กุ้ง หมึกสดๆ กัดแล้วเนื้อแน่นๆ เด้งๆ ทุกคำ

...

ร้านนี้ทำเองทุกอย่าง ทั้งน้ำซุป น้ำจิ้ม รวมถึง “ซาลาเปา” เป็นเมนูโปรดของลูกสาว สั่ง “ซาลาเปาไส้ครีม” ให้ลูกกิน เห็นเธอยกนิ้วโป้ง โยกหัวไปมาด้วยความเอร็ดอร่อย ผมเลยขอแบ่งมาชิมให้รู้รส ปรากฏว่าอร่อยเกินคาด แป้งซาลาเปาเนื้อนุ่ม ไส้ครีมหวานละมุน ไม่แปลกใจที่ลูกชอบอกชอบใจถึงกับต้องสั่งกลับบ้าน

ชวน คุณศักดิ์ และ คุณปัท มานั่งพูดคุยกันสักนิด คุณปัท เผยเคล็ดลับความอร่อยว่า  “น้ำซุปใช้กระดูกหมู ปรุงด้วยน้ำซอสปรุงรส เคี่ยวนาน 2 ชั่วโมง กว่าจะได้น้ำซุปรสชาติกลมกล่อมแบบนี้ ส่วนน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวเป็นทีเด็ดของร้าน ใช้เต้าเจี้ยวล้วนๆ ไม่มีการผสมน้ำแต่อย่างใด ปรุงรสด้วยมะนาว น้ำเชื่อม พริก กระเทียม และขิงซอย เท่านี้ก็จะได้น้ำจิ้มรสชาติเข้มข้น ใช้ทานกับข้าวมันไก่ ข้าวต้มปลา และปลาลวกจิ้ม”

...

“โจ๊กมีเทคนิคตั้งแต่เลือกใช้ข้าวหอมปลายหักแช่น้ำไว้นาน 4–5 ชั่วโมง เพื่อให้ข้าวอิ่มน้ำ จากนั้นนำไปเคี่ยวจะได้โจ๊กเนื้อเนียน อร่อย วัตถุดิบที่ทานกับโจ๊กมีหลายหลากชนิด แต่ที่ลูกค้าติดใจกันมาก คือ หมูเด้ง พี่เป็นคนตีเองกับมือ ใช้หมูบดตีกับน้ำแข็งนวดให้เหนียวนุ่ม เป็นการนำประสบการณ์ที่เคยผ่านงานครัวในร้านอาหารมาก่อน มาประยุกต์ใช้กับร้านของตัวเอง”

คุณศักดิ์ เล่าเสริมว่า “ผมเคยเป็นพนักงานตำแหน่งเอนจิเนีย โรงแรมระดับ 5 ดาวที่หัวหินมาก่อน ส่วนภรรยาเป็นแม่ครัวร้านอาหารดังที่เขาตะเกียบ เราสองคนมีความฝันอยากเปิดร้านอาหารเล็กๆ เป็นกิจการของตัวเองมานานแล้ว กระทั่งช่วงโรคโควิดระบาดแรกๆ เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต เมื่อภรรยาถูกลดเงินเดือน เพราะไม่มีนักท่องเที่ยว เราจึงตัดสินใจลาออกจากงานมาลงทุนเปิดร้านอาหาร เริ่มต้นจากร้านรถเข็นเล็กๆ”

“พอออกมาทำธุรกิจของตัวเอง มันทำให้มองอะไรได้กว้างขึ้น เรียนรู้สิ่งใหม่ๆเพิ่มเติม อย่างขนมจีบ ซาลาเปา เรียนรู้เอง ทำเอง ร้านเรามีลูกค้าทั้งขาประจำ นักท่องเที่ยวชาวไทย และต่างชาติ บางคนพักในโรงแรมหรูย่านนี้ก็มาทานที่นี่ เป็นความภูมิใจของเราสองคน เมื่อตัดสินใจเลือกทำตามความฝัน จากวันที่ออกจากงานมาเริ่มทำร้านอาหารเอง รู้สึกว่าคิดถูกที่สุด มีความสุขเวลาได้อยู่กับครอบครัว ทำงานในเวลาตรงกัน วันหยุดสามารถพาครอบครัวไปเที่ยวได้ จากจุดเริ่มต้นรถเข็นขายข้าวต้ม กลายมาเป็นร้านอาหารมีโต๊ะให้ลูกค้านั่งทาน เป็นการพิสูจน์ด้วยการลงมือทำ เพราะตอนนั้นไม่มีใครคิดว่า ที่ตรงนี้จะขายของกินได้ แต่ผมและภรรยาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ถ้าเราทำอาหารอร่อย สะอาด ใช้ของมีคุณภาพ มันสามารถขายได้ ถึงวันนี้ร้านเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว” คุณศักดิ์ ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ

...

สนนราคา โจ๊กหมูเด้ง 35 บาท,โจ๊กหมูเครื่องในใส่ไข่ 45 บาท, โจ๊กทะเล 80 บาท, ข้าวต้มหมูเด้ง 35 บาท, ข้าวต้มทะเล 80 บาท, ข้าวมันไก่ 40 บาท, เกาเหลาเลือดหมู 50 บาท, เนื้อปลาลวกจิ้ม 80 บาท, กาแฟโบราณ 25 บาท และ ซาลาเปาไส้ครีม ลูกละ 20 บาท “ร้านปิ่นโต” เปิดตั้งแต่เวลา 06.00-11.30 น. หยุดทุกวันพุธ โทร. 09-2268-9103 สั่งดีลิเวอรีที่ foodpanda ค้นหาคำว่า “ร้านปิ่นโต”.

คุณชายแป๊ะ