เมื่อสัก 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทีมงานซอกแซกสายอาหารได้รับเชิญจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจอาหารและเบเกอรีระดับแนว หน้าของประเทศไทย ภายใต้เครื่องหมายการค้า S&P ให้ไปทดสอบ “เมนูในตำนาน” ที่  S&P จะนำออกมาจำหน่ายอีกครั้งในโอกาสเฉลิมฉลองครบ 50 ปีของการก่อตั้งที่จะเวียนมาบรรจบในเดือนตุลาคมปีนี้

พร้อมกับหิ้ว “ข้าวแช่ S&P”+“ยำผักบุ้งกรอบ”+“ข้าวคลุกกะปิ”+“ข้าวเหนียวมะม่วง” ฯลฯ บรรจุกล่องอย่างดีกลับมาฝากหัวหน้าทีมด้วย

ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่าปี 2566 นี่แหละที่จะเป็นปีครบ “กึ่งศตวรรษ” หรือ 50 ปี ของการก่อตั้งร้านอาหารและเบเกอรีภายใต้แบรนด์ S&P ซึ่งทางบริษัทได้มีการโปรโมตมีแคมเปญ จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองต่างๆมาตั้งแต่ต้นปี

รวมทั้งการจัด “เทศกาลข้าวแช่” รับฤดูร้อน 2566 ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ช่วงร้อนจัดๆและจะหมดเขตในวันที่ 31 พฤษภาคม อีก 3 วันข้างหน้านี้แล้ว

ท่านที่ชอบรับประทาน “ข้าวแช่” อาหารตำรับชาววังของไทยเราแท้ๆ ก็อย่าลืมแวะไปรับประทานกันด้วยนะครับ ไม่งั้นอาจต้องรอไปอีก 1 ปี ถึงฤดูร้อนปีหน้าจึงจะมีโอกาสรับประทาน

ในฐานะลูกค้าเก่าแก่คนหนึ่งของ S&P และขณะเดียวกันก็เคยเป็นศิษย์สำนักเดียวกันกับท่านประธานบริษัท คุณภัทรา (ไรวา) ศิลาอ่อน ที่สำนักตักศิลา สภาพัฒน์ หรือสำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อประมาณ 50 กว่าปีที่แล้ว...หัวหน้าทีมซอกแซกขอแสดงความยินดีด้วยใจจริงในความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง

ช่วงอยู่สภาพัฒน์ พ.ศ.2508-2509 ยังจำ ภาพข้าราชการสาวรูปร่างสูงใหญ่ หุ่นสมาร์ท มาดนักเรียนนอกเต็มตัว ที่เพื่อนๆมักเรียกว่า “ป้าใหญ่” ได้ติดตา โดยเฉพาะรถเก๋งสปอร์ตเปิดประทุนที่เธอขับมาทำงานยังอยู่ในความทรงจำของศิษย์เก่าสภาพัฒน์ยุคโน้นมาจนถึงบัดนี้

...

ต่อมาสักพักหนึ่งป้าใหญ่ก็ลาออกจากสภาพัฒน์ ซึ่งตามข่าวบอกว่าเพื่อไปช่วยธุรกิจของคุณพ่อ สุริยน ไรวา ซึ่งมีทั้งส่งออก มันสำปะหลัง และโรงแรมใหญ่โรงแรมหนึ่งในย่านเจริญผล ด้านหน้าของสนาม ศุภชลาศัย ซึ่งเป็นโรงแรมทันสมัยมากในยุคโน้น

ต่อมาอีกหลายๆพักก็มีข่าวว่าเธอไปก่อตั้งร้านอาหารที่ชื่อว่า S&P ขายเบเกอรีกับอาหารไทยแบบจานเดียว รับประทานง่ายๆตามศูนย์การค้าและโรงภาพยนตร์ทันสมัยหลายๆแห่ง

หัวหน้าทีมซอกแซกซึ่งยังคงทำงานอยู่ที่สภาพัฒน์ จำได้ว่าเคยพาเพื่อนร่วมงานไปเลี้ยงกันใน S&P ยุคแรกๆ หลายต่อหลายครั้ง

นอกจากจะชื่นชมอาหารไทยแบบรับประทานง่ายๆ เช่น ข้าวคลุกกะปิ, ข้าวไก่อบ และก๋วยเตี๋ยวน้ำ ก๋วยเตี๋ยวแห้ง ฯลฯ อะไรสักอย่างแล้ว พวกเรายังมีความทรงจำบางอย่างต่อ S&P

ในยุคโน้นในการไปรับประทานอาหารตามร้านอาหารในประเทศไทยจะมีธรรมเนียมอยู่อย่างหนึ่งคือ ทุกๆร้านจะเสิร์ฟ “น้ำเปล่า” ให้เป็นของแถม

อาจเป็นน้ำเปล่าใส่น้ำแข็งธรรมดาๆ หรืออาจเป็นน้ำชาก็ได้ ถือเป็นของฟรีและบริการฟรีจากทางร้าน

แต่ของ S&P จะมาพร้อมกับ “น้ำดื่ม” ไม่แน่ใจว่ายี่ห้อ “โพลาริส” (ซึ่งเป็นน้ำดื่มบรรจุขวดขายยุคแรก) หรือของ น้ำสิงห์ กันแน่...แต่จำได้แม่นยำว่า S&P คิดเงินค่าน้ำนั้นด้วย...นับเป็นร้านอาหารเจ้าแรกๆที่ไม่แถมน้ำเปล่าก็ว่าได้ของประเทศไทย

ลูกค้าฝ่ายหญิงของเราถึงกับบ่นว่าร้านนี้ขี้เหนียวจัง ทำท่าเหมือนจะประท้วงไม่มารับประทานอีก แต่ด้วยรสชาติอาหารที่โดดเด่น ในที่สุดเราก็มากันอีกจนได้ และพอนานๆเข้าก็ลืมเรื่องน้ำเปล่า ฟรีไปโดยสนิทใจ

มาถึงปัจจุบันนี้ ประเพณีเสิร์ฟน้ำเปล่าฟรีแทบไม่เหลืออยู่แล้ว...นอกจาก MK สุกี้ที่ยังคงเสิร์ฟน้ำชาฟรีอยู่ แต่ถ้าสั่งน้ำเปล่าชนิดขวดก็คิดสตางค์เหมือนกัน

กิจการของ S&P ประสบความสำเร็จอย่างมากจากวันเปิดร้านครั้งแรก “14 ตุลาคม 2516” ตรงกับ วันมหาวิปโยค พอดิบพอดี แต่เนื่องจากเปิดที่ซอยประสานมิตร สุขุมวิท ห่างไกลจากที่เกิดเหตุย่านถนนราชดำเนินมาก...ตามข่าวบอกว่ายังมีคนไปอุดหนุนและขายได้ถึง 400 กว่าบาท ทั้งๆที่เปิดได้แค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ก็ต้องปิดร้าน

ทำให้มีกำลังใจที่จะกลับมาเปิดร้านต่อและประสบความสำเร็จเรื่อยมาตามลำดับ

แรกเปิดเป็นเพียงร้านไอศกรีม+กาแฟและ+เบเกอรีเท่านั้น จากการลงขันของพี่ๆน้องๆ 5 คน ซึ่งมีชื่อย่อ ส.เสือหรือตัว S 2 คน (สุทธิดา, สมศรี) กับ พ.พานหรือ P อีก 3 คน (ภัทรา, พันทิพา, พรพิไล) จึงเป็นที่มาของการตั้งชื่อร้านว่า “S&P” และเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงบัดนี้

มิใช่มาจาก Standard & Poor 500 หรือ S&P 500 ดัชนี หลักทรัพย์ของบริษัทใหญ่ 500 แห่ง ที่โด่งดังระดับโลกของสหรัฐฯ นะครับ

ถ้าดูจากประวัติความสำเร็จจะเห็นว่า S&P ได้ใช้หลักวิชาการตลาด ข้อมูลการตลาดบวกด้วยความเป็นเลิศด้านการปรุงอาหารที่เป็นความสามารถเฉพาะของครอบครัวไรวามาผสมผสานกัน จนสามารถขยายกิจการต่อมาได้เรื่อยๆ

ที่ทีมงานซอกแซกชื่นชมมากและเขียนให้ทุกปีก็คือการตัดสินใจเข้าเทกโอเวอร์ ขนมไหว้พระจันทร์ “มังกรทอง” และบุกเบิกตลาดขนมไหว้พระจันทร์จนเป็นธุรกิจ 1,000 ล้าน ในขณะนี้

ในแง่ร้านสาขา S&P ก็ขยายตัว หรือลุยเกือบจะถึง 500 ร้านอยู่แล้วกระมัง แถมยังมีในต่างประเทศอีกกว่า 10 สาขาล่าสุด

ขอแสดงความยินดีกับ “ป้าใหญ่” คุณภัทรา (ไรวา) ศิลาอ่อน อีกครั้ง ยินดีในความสำเร็จของ S&P และยินดีที่ทำให้ “อาหารไทย” ของเราสามารถผงาดขึ้นสู้กับสารพัดอาหารทั่วโลกได้อย่าง สง่าผ่าเผยในตลาดบนของประเทศในทุกวันนี้

...

ขอให้นึกภาพในขณะที่ศูนย์การค้าบ้านเรา มีแต่อาหารแบรนด์ฝรั่ง แบรนด์ญี่ปุ่นถ้าไม่มีแบรนด์ S&P มาสู้...อาหารไทยโดยเฉพาะข้าวคลุกกะปิซึ่งเป็นเมนูขายดีที่สุดในปี 2565 รวมทั้งสิ้นถึง 165,812 จาน ก็เห็นจะอยู่ได้แต่ในฟู้ดคอร์ตเท่านั้นเอง.

“ซูม”