“ข้าวแช่” เมนูโบราณ เปรียบเสมือนสัญญาณบ่งบอกว่าฤดูร้อนกำลังจะมาถึงแล้ว เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่นิยมกินข้าวแช่เพื่อดับร้อน เพิ่มความสดชื่นในวันที่อุณหภูมิร้อนระอุ แน่นอนว่าด้วยรสชาติและวัตถุดิบที่ดีต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้ “ข้าวแช่” กลายเป็นเมนูหน้าร้อนยอดฮิตไปโดยปริยาย

ย้อนประวัติข้าวแช่ เมนูโบราณดับร้อน

ข้าวแช่ คือ เมนูโบราณ เชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดจากชาวมอญ เดิมทีเรียกว่า “เปิงด้าจก์” นิยมทำเพื่อถวายเทพยดาและพระภิกษุสงฆ์ในช่วงสงกรานต์เท่านั้น

เมนูดังกล่าวได้ขยายอิทธิพลเข้ามายังประเทศไทยผ่านเจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่น ผู้มีเชื้อสายมอญ และคุ้นเคยกับเมนูข้าวแช่เป็นอย่างดี ได้เดินทางติดตามพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ไปราชการที่ จ.เพชรบุรี ก่อนจะถ่ายทอดวิชาในการปรุงเมนูให้กับเหล่าข้าราชบริพารในวัง เป็นที่มาของ “ข้าวแช่เพชรบุรี” หรือ “ข้าวแช่ชาววัง” จนกระทั่งสูตรและวิธีทำข้าวแช่จะแพร่กระจายสู่สาธารณชน เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

เปิดที่มา "ข้าวแช่" เป็นอาหารภาคไหน

ตามประวัติและข้อมูลเดิมที่ได้รับการบันทึก เมนูข้าวแช่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวมอญ และเริ่มแพร่ขยายที่ จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน ก่อนที่วัฒนธรรมการกินข้าวแช่ เมนูคลายร้อนจะขยายไปทั่วทุกภูมิภาคของไทย

...

ข้าวแช่ วัตถุดิบและเครื่องเคียงมีอะไรบ้าง

“ข้าวแช่” ถือเป็นหนึ่งในเมนูคลายร้อนที่มีวัตถุดิบและเครื่องเคียงหลากหลายแบบ ดังนี้

  • ข้าวแช่
  • น้ำลอยดอกมะลิ
  • พริกหยวกยัดไส้
  • หอมยัดไส้กะปิ
  • ไชโป๊ผัดหวาน
  • หมูฝอยหรือเนื้อฝอย
  • ลูกไข่เค็ม
  • เครื่องแนม

วิธีกินข้าวแช่ตามแบบฉบับเดิม เพิ่มความอร่อย

ในอดีตจะเริ่มกินข้าวแช่ในช่วงหน้าร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม เมษายน ไปจนถึงพฤษภาคม และจะได้ความนิยมสูงสุดในช่วงประเพณีสงกรานต์ เนื่องจากมีอากาศร้อนระอุ มีคุณสมบัติในการช่วยคลายร้อน เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย

วิธีกินข้าวแช่จะมีขั้นตอนที่ละเอียดอ่อน เพื่อให้ได้รับรสสัมผัสอย่างครบถ้วน โดยให้เริ่มจากการกินเครื่องเคียงประเภทคาวก่อน จากนั้นจึงกินข้าวแช่ตาม โดยต้องไม่นำเครื่องเคียงใส่ผสมกับข้าว จากนั้นตามด้วยเครื่องเคียงประเภทหวาน เครื่องแนม และปิดท้ายด้วยผลไม้เป็นของหวาน

ทั้งนี้ ในขั้นตอนของการกินเครื่องเคียง จะต้องกินลูกกะปิคู่กับมะม่วงเปรี้ยว และกินพริกหยวกสอดไส้กับกระชาย เพื่อเพิ่มความกลมกล่อม

ข้าวแช่ชาววัง กับ ข้าวแช่ทั่วไป ต่างกันอย่างไร

ข้าวแช่ชาววังจะต้องใช้กรรมวิธีที่พิถีพิถัน ใช้ข้าวคุณภาพดี และใช้น้ำแข็ง ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงจะลอยดอกมะลิ หรือดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม เพื่อเพิ่มอรรถรสและชวนให้ลิ้มลอง ส่วนข้าวแช่ทั่วไป หรือข้าวแช่ตามสูตรของชาวบ้าน จะใช้เพียงน้ำฝนในการรักษาอุณหภูมิให้คงความเย็น นอกจากนี้ยังมีการสลับเครื่องเคียงที่ต่างกันไปตามแต่ละท้องที่

แนะนำร้านข้าวแช่ 2566 หากินได้ที่ไหนบ้าง

ปัจจุบัน ข้าวแช่นับว่าเป็นเมนูโบราณที่หากินได้ยาก เนื่องจากมีวัตถุดิบและเครื่องเคียงหลากหลาย คนส่วนใหญ่จึงนิยมกินที่ร้าน ซึ่งหากใครที่อยากลิ้มรสเมนูอาหารดั้งเดิม ไทยรัฐออนไลน์ขอแนะนำร้านข้าวแช่ 2566 ดังนี้

1. โรงแรมรอยัลริเวอร์
ตั้งอยู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 66/1 สำหรับช่วงหน้าร้อนนี้ มาพร้อมกับบุฟเฟต์ข้าวแช่ชาววัง สามารถเลือกกินได้ไม่อั้น ทั้งเมนูข้าวแช่และอาหารไทยโบราณอื่นๆ

2. โรงแรมหัวช้าง
โรงแรมหัวช้าง ตั้งอยู่ในเขตปทุมวัน เสิร์ฟข้าวแช่พร้อมเครื่องเคียงครบครัน หลากหลายรูปแบบ หากใครที่อิ่มจากของคาว ทางเพจก็มีผลไม้เชื่อมเสิร์ฟปิดท้าย

3. ร้านอาหารเรือนนพเก้า
ร้านอาหารไทยเรือนนพเก้า ขึ้นชื่อเรื่องอาหารไทยโบราณสูตรต้นตำรับ สำหรับช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้ ทางร้านไม่พลาดนำเสนอเมนูข้าวแช่ ช่วยคลายร้อน

4. บ้านสุริยาศัย
บ้านสุริยาศัยขึ้นชื่อเรื่องการทำอาหารไทยรสเด็ด สำหรับในช่วงฤดูร้อนนี้ได้มีการนำเสนอเมนูเด็ดอย่าง ข้าวแช่ โดยพร้อมจัดเสิร์ฟให้ได้ลิ้มลองรสชาติถึงวันที่ 31 พฤษภาคม

...

5. สงวนศรี
ร้านอาหารไทยต้นตำรับ การันตีโดยรางวัลมิชลิน นำเสนอ “เมนูข้าวแช่” อาหารโบราณเพิ่มความสดชื่นในช่วงฤดูร้อนได้เป็นอย่างดี

ข้าวแช่ ถือเป็นอาหารโบราณ มีการผสมผสานและคิดค้นภูมิปัญญา เพื่อให้เมนูดังกล่าวคงความเย็น สดชื่น และช่วยดับร้อนในช่วงอุณหภูมิสูง ซึ่งแม้ว่าเมนูดังกล่าวจะมีกรรมวิธีการซับซ้อนและพิถีพิถัน แต่เพราะความอร่อย หอม ชื่นใจ ก็ยังคงได้รับความนิยม และหยิบยกมาเป็นอาหารจานเด็ดในทุกช่วงฤดูร้อนเสมอ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :