ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการชิมอาหารอินเดียขนานแท้ครั้งแรก ผมรู้สึกตื่นเต้นพอสมควร เพราะตั้งแต่เกิดมาคุ้นเคยเพียงแค่ “โรตี” รสชาติแบบไทยๆ มาคราวนี้มีโอกาสลิ้มลองรสชาติอาหารอินเดียแบบครบรสมาจากทุกภูมิภาคของแดนภารตะ ณ ห้องอาหารมายา (MAYA) โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพฯ สุขุมวิท บอกได้คำเดียวว่าฟิน!!

“คุณชายตะลอนชิม” สัปดาห์นี้ “คุณชายแป๊ะ” ขอแนะนำ “ห้องอาหารมายา” โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพฯ สุขุมวิท การเดินทางสะดวกสบายมีทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส ลงสถานีพร้อมพงษ์ หรือนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน ลงที่สถานีสุขุมวิท เดินต่ออีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว ผมขับรถไปเองลงทางด่วนสุขุมวิท มุ่งไปที่ซอยสุขุมวิท 22 จอดรถที่โรงแรมได้เลย กดลิฟต์ขึ้นไปชั้น 29 ชั้นดาดฟ้าของโรงแรม จะเห็น “ห้องอาหารมายา” ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ภายในห้องกระจกทางเข้าเป็นครัวเปิดโล่งให้ชมฝีมือการปรุงอาหารแบบสดๆของเชฟใหญ่ “ฮาริช ติวารี” มีไฮไลต์อยู่ที่ “เตาทันดูร์” นำเข้าจากประเทศอินเดีย วางเรียงรายอยู่ 3 ใบ รูปร่างของเตาคล้ายโอ่งมังกรบ้านเรา แต่มีขนาดใหญ่และหนากว่าสัก 2 เท่า ปากเตาทันดูร์เป็นทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ฟุต มีฝาทำจากโลหะปิดไว้

...

อาหารจานแรกที่พร้อมอวดฝีมือคือ “Jhinga Kalimirch” เชฟหยิบกุ้งลายเสือตัวใหญ่หมักเครื่องเทศอินเดียเสียบแท่งเหล็กปลายแหลมเรียงเป็นแถวละ 4 ตัว นำไปย่างในเตาทันดูร์ ด้วยความร้อนสูงถึง 450 องศาเซลเซียส ทำให้กลิ่นหอมจากควันลอยฟุ้งไปทั่ว ใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที เชฟก็ทยอยนำกุ้งจากเตาขึ้นมาแขวนพักไว้ ผิวสีส้มสลับขาวของเนื้อกุ้งลายเสือดูเย้ายวนชวนกิน

จากนั้นเชฟเดินไปยกถาดซี่โครงแกะออสเตรเลียที่หมักไว้ นำมาเสียบแท่งเหล็กปลายแหลมและอบในเตาทันดูร์ เพื่อปรุงเมนู “Noorani Champ” กลิ่นควันหอมฟุ้งขึ้น เมื่อน้ำมันจากซี่โครงแกะหยดไปโดนถ่านก้นเตา ใช้เวลา 4-5 นาที ได้เวลาเนื้อแกะสุกกำลังอร่อย จึงยกแท่งเหล็กขึ้นแขวนพัก พร้อมจัดจานเตรียมเสิร์ฟ

ขยับตัวเข้านั่งที่โต๊ะทานอาหาร ชมวิวกรุงเทพมหานครยามเย็นจากยอดตึกสูงกำลังเพลิน พนักงานเสิร์ฟเมนูเรียกน้ำย่อย “Prawn Puchka” แป้งสาลีทอดสอดไส้กุ้งอบเนย ปรุงด้วยซัลซ่าอินเดียแบบโฮมเมด เพื่อเปิดลิ้นเป็นการทักทาย ตามต่อด้วยจานสตาร์ตเตอร์อย่าง “Khumb Truffle Galouti” ทำจากเห็ด, น้ำมันเห็ดทรัฟเฟิล และเครื่องเทศอินเดีย ได้กลิ่นเครื่องเทศเจือกลิ่นทรัฟเฟิลไฮโซขึ้นทันตา

มาถึงจานที่ผมรอคอยคือ “Noorani Champ” ซี่โครงแกะออสเตรเลียที่ไปจดๆจ้องๆถึงหน้าเตามาแล้ว ผมให้ 10 เต็ม 10 เนื้อแกะชิ้นหนานุ่ม เคี้ยวแล้วได้รสชาติ ด้วยความรู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นหอมของเครื่องเทศอินเดียมากขึ้น ยิ่งเพิ่มอรรถรสความอร่อยเมื่อทานกับซอสสไตล์อินเดีย ที่มีให้เลือกถึง 3 แบบ

...

เข้าสู่เมนคอร์ส จานที่ผมชอบมากยกให้ “Old Delhi Style Mutton Korma” เนื้อแกะเคี่ยวกับเครื่องเทศ ผมว่าความเข้มข้นของแกงทำได้ดีเยี่ยม ยิ่งอร่อยเมื่อทานคู่กับแป้งนานอุ่นๆของอินเดีย ตบท้ายมื้อแห่งความประทับใจด้วยขนมหวานสไตล์ภารตะ “Gulab Jamun” เกี๊ยวนมทอดราดด้วยน้ำเชื่อมกลิ่นกุหลาบ เนื้อแป้งนุ่ม ความหวานอ่อนละมุน ถือเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมในการทานอาหารอินดียเต็มรูปแบบ หลังอิ่มท้องหาจังหวะไปพูดคุยกับเชฟกันหน่อย

“ผมเป็นคนชอบกินอาหาร ตอนเด็กเหมือนได้ ค้นพบพรสวรรค์อย่างหนึ่งคือ สามารถแยกส่วนผสมเครื่องเทศต่างๆในอาหารทุกจานได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ลองชิม ผมเล่าให้แม่และพี่สาวฟังหลายครั้ง ทั้งสองแปลกใจว่ารู้ส่วนผสมได้ยังไงทั้งๆที่ไม่เคยดูตอนทำ ในอินเดียมีเครื่องเทศมากมาย และทุกชนิดมีรสชาติและเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมื่อโตขึ้นผมได้ฝึกงานที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในโรงแรมดังๆอีกหลายประเทศ การจะก้าวขึ้นมาเป็นเชฟโรงแรมต้องใช้ความพยายามสูงมาก เพราะในอินเดียการแข่งขันสูงมาก ด้วยความขยัน ทำงานหนัก และมีแพชชัน ทำให้ผมได้รับเลือก และกลายเป็นตัวแทนของวงการเชฟที่นำอาหารอินเดียไปเผยแพร่ในต่างประเทศ ไล่ตั้งแต่สิงคโปร์, เกาหลีใต้, อินโดนีเซีย, อียิปต์, จอร์แดน และไทย ผลตอบรับของทุกประเทศยอดเยี่ยมมาก ถึงเวลานี้ผมกลับมาที่ไทยอีกครั้ง”...เชฟบอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการสร้างอาชีพ

...

“รสชาติอาหารแต่ละภูมิภาคของอินเดียแตกต่างกันทุก 10 กิโลเมตร เช่นเดียวกับภาษา, น้ำดื่ม และอาหาร ก็ไม่เหมือนกันเลย ถ้าเป็นภาคตะวันตก “เมืองมุมไบ” จะเป็นอาหารแนวสตรีทฟู้ด ส่วนภาคตะวันออก “กัลกัตตา” มีอาหารทะเลเยอะ ขณะที่ทางเหนือจะเน้น “อาหารชาววัง” มีเนื้อสัตว์และคาบับ สำหรับเมืองหลวงของอินเดีย เช่น “นิวเดลี” จะรวมอาหารทุกภาคไว้ในแบบฉบับของตัวเอง ที่ห้องอาหารมายา ผมนำความสุดยอดของอาหารอินเดียจากทั่วทุกภาคมารวมกันไว้ หลายคนอาจคุ้นชินว่า ถ้าเป็นอาหารอินเดียจะต้องมีกลิ่นเครื่องเทศแรงปริมาณมากๆ แต่ที่ห้องอาหารมายา ผมตั้งใจสร้างสรรค์อาหารอินเดียให้สวยงาม ได้สัมผัสถึงรสเครื่องเทศอันหลากหลายในแต่ละจาน ทำให้รู้สึกถึงความแตกต่าง”

...

สนนราคา Jhinga Kalimirch (กุ้งลายเสือหมักเครื่องเทศและพริกไทยดำย่างเตาทันดูร์) 950 บาท, Noorani Champ (ซี่โครงแกะออสเตรเลียหมักเครื่องเทศย่างเตาทันดูร์) 950 บาท, Prawn Puchka (แป้งสาลีทอดสอดไส้กุ้งอบเนย) 350 บาท, Khumb Truffle Galouti 650 บาท, Old Delhi Style Mutton Korma 550 บาท, Gulab Jamun (กุหลาบ จามุน) 150 บาท นอกจากนี้ ยังมีอาหารอินเดียยอดนิยมให้เลือกทานอีกหลากหลายเมนู พร้อมด้วยเซตเมนู 3 แบบ ได้แก่ เซตเมนูมังสวิรัติ 950 บาท, เซตเมนูเนื้อ 1,150 บาท และ เซตเมนูซีฟู้ด 1,350 บาท รวมทั้งค็อกเทลปลุกความสดชื่นอย่าง Mango Lassi, Moh Maya และ Rosemary Sour เปิดบริการวันพุธ-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 18.00-23.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งล่วงหน้า โทร.0-2683-4888.

คุณชายแป๊ะ