วันไหว้พระจันทร์ปีนี้ตรงกับวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ครับ ซึ่งนับจากวันนี้เป็นต้นไป ก็เหลืออีกแค่ 11 วันเท่านั้นเอง ได้เวลาที่ทีมงานซอกแซกจะกลับมาเขียนถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ของชาวจีน และ “ของอร่อย” ที่คนไทยเรารอคอย ปีละหนึ่งครั้งดังที่เคยปฏิบัติมาในช่วง 2-3 ปีนี้

“ขนมไหว้พระจันทร์” นั่นแหละครับ...ออกมาวางขายเต็มท้องตลาดตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่แล้ว และจะขายต่อไปจนถึงวันที่ 1 ตุลาคม หรือวันไหว้พระจันทร์ปีนี้ จากนั้นในวันรุ่งขึ้นก็จะเก็บเข้าสต๊อกยุติการจำหน่ายแทบจะโดยสิ้นเชิง

กลับมาขายอีกทีในเทศกาลไหว้พระจันทร์ปีหน้าโน่นเลย

ฉะนั้นใครที่ชอบของหวานและเป็นแฟนขนมไหว้พระจันทร์ จะมีเวลารับประทานอีกเพียง 11 วันเท่านั้น เว้นแต่จะซื้อเก็บเข้าตู้เย็นสำรองไว้

จากการออกตระเวนตามซุปเปอร์มาร์เกต และร้านขายอาหารที่มีการจำหน่าย “ขนมไหว้ พระจันทร์” จำนวนหนึ่งพบว่า แม้ปีนี้สถานการณ์เศรษฐกิจไทยจะไม่ดีนัก สืบเนื่องมาจากการอาละวาดของโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจไทยถดถอยลงอย่างหนัก แต่ตลาดขนมไหว้พระจันทร์ก็ยังคึกคักพอสมควร

ยังมีการผลิตและการนำออกจำหน่ายในท้องตลาดเช่นเดียวกับปีก่อนๆ เพียงแต่ไม่ละลานตาเหมือนยุคที่เคยเฟื่องฟูเท่านั้นเอง

แหล่งข่าวจาก เอส แอนด์ พี เครือข่ายร้านอาหารชื่อดังของประเทศไทยในฐานะเจ้าตำรับในการบุกเบิกตลาดขนมไหว้พระจันทร์ ซึ่งในอดีตเป็นแค่เครื่องเซ่นไหว้ธรรมดาๆของชาวจีน และคนไทยเชื้อสายจีนให้ออกมาสู่ตลาดอาหารของประเทศไทยอย่างกว้างขวาง จนกลายเป็นธุรกิจพันล้านบาทในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา...แจ้งว่าปริมาณการผลิตขนมไหว้พระจันทร์ปีนี้ของเอสแอนด์ พี จะลดลงจากปีที่แล้วเล็กน้อย

...

เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อเอง ประชาชนชาวไทยที่ถดถอยลงหลังจากเจอพิษโควิด-19

เป้าหมายหลักที่ เอส แอนด์ พี มุ่งเน้นก็คือการออกแบบที่สวยงามเช่นเดิม แต่ใช้วัสดุที่ประหยัดและนำมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้

รวมทั้งเน้นรสชาติและความอร่อยด้วยการผลิตให้หลากหลายมากขึ้นถึง 12 ไส้ในปีนี้ รวมทั้งไส้พิเศษใหม่เอี่ยมที่ตั้งชื่อเอาไว้ว่า “ไส้บัวทองไข่เค็มลาวา” ล้อเลียนรสชาติของซาลาเปาไข่เค็มลาวาที่โด่งดังมากในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันก็หันมาสร้างค่านิยมใหม่แก่สังคมไทยด้วยการประชาสัมพันธ์ให้เห็นว่า “ขนมไหว้พระจันทร์” นั้นเปรียบเสมือน “ของขวัญจากพระจันทร์” เป็นของขวัญที่ช่วยเสริมสร้างสิริมงคลและความมั่งคั่ง ความอยู่เย็นเป็นสุข โดยออกแบบทั้งตัว “ขนม” และกล่องบรรจุให้มีความเป็น “ของขวัญ” มากกว่าทุกๆปี

อีกเจ้าหนึ่งที่โด่งดังมาก่อนในอดีตในหมู่แวดวงชาวจีนและช่วง 10 ปีหลังก็ออกมาสู่ตลาดผู้บริโภคชาวไทยมากขึ้นเช่นกัน...ได้แก่ บริษัท “กอกใจเจ๋าเหล่า” เจ้าตำรับขนมไหว้พระจันทร์ “ไส้ทุเรียนกวน” เจ้าแรกของประเทศ

เท่าที่ตรวจสอบในท้องตลาดพบว่าผลิตภัณฑ์ ของ “กอกใจ” ยังคงมีวางตามซุปเปอร์มาร์เกตของห้างสรรพสินค้าต่างๆอย่างกว้างขวางและดูหลากหลายกว่ายุคก่อนๆ

นอกจากนี้ยังเพิ่มการจำหน่ายทางออนไลน์ทั้งเว็บไซต์และเฟซบุ๊กตามยุคสมัยควบคู่ไปด้วย... ทีมงานซอกแซกลองคลิกเข้าไปใน www.gokjai.com พบว่ามีการปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ สดใสกว่ายุคเดิมหลายเท่า

ล่าสุดทีมงานซอกแซกได้รับรายงานจาก ไอคอนสยาม ว่า ณ เมืองสุขสยาม บริเวณชั้น G ซึ่งเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าและอาหารจากทุกภูมิภาค จนติดตลาดและเป็นที่นิยมของนักชิมอย่างยิ่ง ในระยะหลังๆ...ก็เข้าร่วมในการจำหน่ายขนมไหว้พระจันทร์สำหรับปีนี้ด้วยเช่นกัน

มีการจัดงาน เปี๊ยะไหว้จันทร์ เลือกสรรขนมไหว้พระจันทร์ชื่อดังจาก 4 ภาค มาร่วมประชันขันแข่งกับขนมไหว้พระจันทร์ที่โด่งดัง ในระดับชาติกับเขาด้วย ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ขนมไหว้พระจันทร์ภูธรแจ้งเกิด

อาทิ ขนมเปี๊ยะ พี่หน่อย ตลาดซาวไฮ่ จังหวัดอุทัยธานี, ร้านเปี๊ยะ บางกอก ชื่อเหมือนอยู่ในกรุงเทพฯ แต่เป็นของ ปทุมธานี, ร้านตั้งเซ่งจั๊ว จากฉะเชิงเทรา, ร้านขนมเปี๊ยะ แม่ศรีเมือง และร้าน ตั้งซ่งเฮง จากสงขลา เป็นต้น

อย่าลืมแวะไปให้กำลังใจขนมไหว้พระจันทร์ภูธร ที่เอ่ยมาข้างต้นนี้กันบ้างนะครับ ว่าจะสู้กับระดับชาติไหวไหม เพราะโดนกระหนาบซ้าย กระหนาบขวา ทั้ง กอกใจเจ๋าเหล่า, ภัตตาคาร เชียงการีลา, Kyo Roll En ขนมไหว้พระจันทร์ฝีมือคนไทย แต่ออกสไตล์ญี่ปุ่น, รวมไปถึง เอสแอนด์ พี ที่เราเอ่ยถึงในตอนต้น และขนมไหว้พระจันทร์ฝรั่งสัญชาติไทย สตาร์บัคส์ ฯลฯ เป็นต้น

ส่งท้ายด้วยขนมไหว้พระจันทร์จากโรงแรมต่างๆเท่าที่ติดตามข่าวคราว ก็ยังคงผลิตออกจำหน่ายเหมือนปีก่อนๆ เช่นของโรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ, โรงแรมแบงค็อกแมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค, โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ, โรงแรมดิโอกุระ เพรจทีจ กรุงเทพฯ, โรงแรมเดอะเซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ฯลฯ และแน่นอนขาดไม่ได้เลย โรงแรมนี้ แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ

สรุปแล้วแม้เศรษฐกิจจะถดถอย แต่ตลาดขนมไหว้พระจันทร์ของประเทศไทย ซึ่งก็คงถอยลงด้วย แต่มิได้ถอยจนหงอยเหงาแต่อย่างใดเลย ยังคงมีสีสันให้เห็นตามศูนย์การค้า และภัตตาคารตลอดจนโรงแรมต่างๆดังที่ทีมงานซอกแซกสำรวจอย่างคร่าวๆมาแจ้งให้ทราบในวันนี้

...

ใครที่ไม่กลัวความหวานและตั้งใจจะส่งมอบของขวัญด้วยของหวานก็ขอเชิญตามอัธยาศัย

เรายังมีเวลาบริโภคขนมไหว้พระจันทร์ หรือส่งมอบของขวัญจากพระจันทร์ ตามสโลแกนของเอส แอนด์ พี กันอีก 11 วันครับ...

เพียงแต่ระวังเอาไว้หน่อยเดียวว่าความหวานอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ (ตามคำเตือน ของกระทรวงสาธารณสุข) บริโภคน้อยๆ แค่พออร่อยนะครับ จะได้อยู่บริโภคกันต่อไปนานๆ.

“ซูม”