และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่น่าปรบมือดังๆให้ สำหรับผลงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของบรรดาดีไซเนอร์จากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ที่มาร่วมโชว์เสื้อผ้าแฟชั่นสุดเก๋กว่า 50 ชุดเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนที่สำนักงานใหญ่ของสหประชาตชาติ ในกรุงเจนีวา ประเทศสวิชเซอร์แลนด์ ทั้งนี้เพื่อเป็นอีกหนึ่งเสียงสะท้อนที่ตอกย้ำนโยบายเรื่องการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั้งยืนขององค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) โดยผลงานที่นำมาโชว์ในงานนี้ ทางผู้จัดงานการันตีว่าคัดสรรมาอย่างดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งในเรื่องของดีไซน์ หลักจริยธรรม และกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานที่เน้นความยั่งยืน
ปีเตอร์ อิงเวอร์เซน แฟชั่นดีไซเนอร์ชาวเดนมาร์ก เจ้าของผลงาน “Noir” ซึ่งผลิตจากเส้นใยฝ้ายธรรมชาติจากอูกันดา ปราศจากการใช้สารฆ่าแมลง 100% กล่าวว่าปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่ให้ความสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและกระบวนการผลิตสินค้ามากขึ้นกว่าสมัยก่อน ทำให้ในฐานะผู้ผลิตเขาก็ไม่สามารถละเลยเรื่องเหล่านี้ได้
ด้าน นายลูคัส อัสซันเคา หัวหน้าของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังค์ถัด เผยว่า จากปรากฏการณ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีววิทยา และความบกพร่องของมาตรฐานแรงงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอโดยเฉพาะในเอเชีย เป็นตัวกระตุ้นการรับรู้ของผู้บริโภคในเรื่องของสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี นี่ยังไม่รวมถึงกระบวนการกำจัดของเสียระหว่างกระบวนการขัด ฟอก ย้อมและพิมพ์สีและลายบนเนื้อผ้า ซึ่งต้องใช้พลังงาน นำ้ และสารที่เป็นพิษจำนวนมาก
ตัวแทนจากอังค์ถัดยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันวงการแฟชั่นกำลังตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการสไตล์ที่ยั่งยืนและใช้ทรัพยากรธรรมชาติออกมาดัดแปลงให้ดูสวยงาม มีการคาดการณ์กันว่า แฟชั่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะสามารถทำรายได้สูงถึงปีละ 150-200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี หรือราว 5,000-6,500 ล้านบาทต่อปี
อย่างไรก็ตาม ปีเตอร์ อิงเวอร์เซน แสดงความกังวลว่าเทรนด์รักโลกนี้จะไม่ยั่งยืน หากบรรดาแฟชั่นนิสต้า หรือลูกค้าไม่ช่วยกันสนับสนุนผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ เนื่องจากหากตลาดของแฟชั่นนี้ไม่สดใส ก็จะไม่เกิดการถ่ายทอดหรือปลุกจิตสำนึกไปยังดีไซเนอร์รุ่นต่อๆไป และในอีก 2-3ปี เชื่อว่ามันก็จะหายไป และกลายเป็นเพียงความนิยมที่อยู่เพียงชั่วคราว
เรียบเรียงจากเว็บไซต์รอยเตอร์
...