เป็นหนึ่งในผู้ขับเคลื่อนองค์กรให้รุดหน้า อินทนนท์ จิราวณิชานันท์ ผู้บริหารหนุ่มที่ได้เข้ามาช่วยขยายอาณาจักรธุรกิจของครอบครัวให้แข็งแกร่ง ด้วยการนำความรู้และประสบการณ์สร้างความมั่นใจในการนำพาองค์กรให้ก้าวอย่างมั่นคง

คุณหมิง-อินทนนท์ จิราวณิชานันท์ พี่ชายคนโต ที่ดูแลธุรกิจของครอบครัวในตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีเค ซลอเทอร์เฮาส์ จำกัด (Ek slaugh terhouse) บริษัทชั้นนำที่ประกอบกิจการเชือดและจำหน่ายเนื้อหมูตัดแต่งให้แก่กลุ่มลูกค้าทั้งชนิดปลีก และซีอีโอ บริษัท ดับเบิลยูไอเอส ไบโอฟาร์ม จำกัด (WIS Biofarm) กว่าจะมายืนในแถวหน้าในธุรกิจจำหน่ายเนื้อหมู คุณหมิงเล่าว่า ธุรกิจนี้เริ่มต้นจากแผงขายหมูที่ปะป๊าหม่าม้าทำที่ตลาดสด ด้วยความชำนาญที่แตกต่างของทั้งปะป๊าหม่าม้า ได้ผสานกันทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากขายหมูวันละ 1 ตัว มาเป็น 5 ตัว แล้วมาเป็นหลักสิบ จนถึงหลักร้อยตัวต่อวัน และจากการขายปลีก มาเป็นการขายส่ง พร้อมขยับจากแผงตลาดไปสู่ตลาดติดแอร์ในซุปเปอร์มาร์เกตชั้นนำ อย่างเทสโก้ โลตัส และเมื่อตนเรียนจบ ได้ไปใช้ชีวิตทำงานตามที่เรียนได้ระยะหนึ่ง เมื่อถึงเวลาธุรกิจเติบโตได้จุดหนึ่ง หม่าม้าจึงเอ่ยปากให้มาช่วยธุรกิจของที่บ้าน ซึ่งปัจจุบันพี่น้อง 3 คนที่เป็นชายล้วนก็มาช่วยกันทำงานตามที่แต่ละคนถนัดเพื่อสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้น

...

“ผมเรียนจบคณะวิศววัสดุเครื่องกล มหาวิทยาลัยเทคโน โลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (บางมด) ปะป๊า เป็นคนพาไปสมัครสอบตรงเลย ทั้งที่ผมสอบที่อื่นได้แล้ว 2 แห่ง ปะป๊าหม่าม้าไม่เคยคิดว่าจะให้มาช่วยธุรกิจนี้ เพราะท่านคิดว่าเป็นงานที่ลำบาก ไม่มีเกียรติ เลยให้ไปเรียนวิศวะ พอจบผมได้ลองไปทำงานที่ร้านอาหารที่ประเทศอังกฤษ ที่หม่าม้าลงทุนกับคนรู้จัก ทำได้ไม่ถึงปีก็กลับมาทำงานที่บริษัทญี่ปุ่น ทำสายพานลำเลียงที่สนามบินสุวรรณภูมิ พอทำเสร็จผมลาออกเพื่อไปเรียนต่อปริญญา โท สถาบันเดิม เรียนทางด้านการจัดการสำหรับผู้ประกอบการ พอเรียน จบที่บ้านก็ขอให้เขามาช่วยดูโรงงานที่ 2 ที่สร้างเสร็จแล้ว ธุรกิจนี้หม่าม้าเขารักมาก เขาเลยเรียกคุยว่า หมิง ต้องมาช่วยแล้ว เรามีโรงงานที่ 2 ในปี 2550 จากวันนั้นเราทำยอดขายเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงวันนี้เราโตจากยอดขาย 300 ล้านบาทต่อปี มาถึงเกือบจะพันล้านในช่วงก่อนโควิด นอกจากนี้เรายังพัฒนาสินค้าโดยเปิดแบรนด์ใหม่ “PORK MATTERS” (พอร์ค แมทเตอร์) นำเสนอผลิตภัณฑ์หมูคุณภาพสูงที่ดีต่อสุขภาพอย่าง “หมูโอเมก้า” ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการ มีปริมาณโอเมก้า 3 มากกว่าหมูปกติ 3 เท่าครับ”

ในการก้าวสู่ความสำเร็จในธุรกิจวันนี้ คุณหมิง เล่าว่า สิ่งที่ตนเรียนรู้และได้นำเอามาใช้ ตั้งแต่เรียน คือ การวิเคราะห์หาปัญหาและเอาปัญหานั้นมาวิเคราะห์หาสาเหตุ เราเลยจะรู้ว่าสาเหตุที่พบนั้นเป็นสาเหตุที่แท้จริงหรือไม่ บางทีเราวิเคราะห์ปัญหา แต่อาจไม่ใช่เป็นปัญหาเนื้อแท้ พอเราไปแก้ มันเลยเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด

“จากผมเคยบวชเรียนมาแล้ว ได้ฝึกจิตฝึกการคิดพิจารณา จึงได้เรียนรู้ถึงการแก้ปัญหาครับ จากประสบการณ์ทำให้ผมเข้าใจในการทำงานทุกกระบวนการ ทำให้ผมหลับตาแล้วเห็นภาพได้ว่าตรงนี้ต้องทำอะไรตรงนี้ต้องทำ จุดอ่อนของเราคืออะไรแล้วเราจะเสริมจุดแข็งของเราได้อย่างไร ต้องมีการสร้างความสามารถในเชิงการแข่งขันคุณต้องเป็นอันดับหนึ่งในทางใดทางหนึ่งครับ”...คัมภีร์ความสำเร็จของผู้บริหารเก่งคนนี้.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่