ผู้นำที่ดีต้องรู้จักพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส
หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสี จำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ฉบับประจำวันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567
- “ธนูเทพ” ประจำการ รับใช้ท่านผู้อ่าน...ถือเป็นข่าวดีที่มาพร้อมกับเทศกาลตรุษจีนเลยก็ว่าได้ เมื่อ ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ได้ร่วมลงนามความตกลงกับ หวัง อี้ สมาชิกกรมการเมือง ผอ.สำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศประจำพรรคคอมมิวนิสต์จีน และ รมว.ต่างประเทศ สาธารณรัฐ ประชาชนจีน ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกัน โดยความตกลงฉบับนี้จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2567 โดยจะ ยกเว้นการตรวจลงตรา หรือ ยกเว้นวีซ่า สำหรับ ผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทย ผู้ถือหนังสือเดินทางกึ่งราชการ และ หนังสือเดินทางธรรมดาของจีน ในการ เดินทางเข้าออก หรือ ผ่านแดนของทั้งสองฝ่าย โดยมีระยะเวลาพำนักแต่ละครั้ง ไม่เกิน 30 วัน และเมื่อรวมการเดินทางหลายๆครั้ง ภายในห้วงเวลา 180 วัน ระยะเวลาในการพำนักรวมกัน ต้องไม่เกิน 90 วัน ยกเว้นกรณี การพำนักถาวร การทำงาน การศึกษา กิจกรรมด้านสื่อ หรือ กิจกรรมอื่นๆ ที่จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตล่วงหน้า จากหน่วยงานที่รับผิดชอบของอีกฝ่ายหนึ่ง...ทั้งนี้ ความตกลงนี้เป็นผลมาจากที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เดินทางไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16-19 ต.ค.2566 โดยได้มีข้อหารือกับ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่จะให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีการจัดทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตรา สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาซึ่งกันและกัน
...
- และล่าสุด เมื่อวันที่ 29 ม.ค. รมต.หวัง อี้ ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายกฯเศรษฐา ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยในการพบหารือกันครั้งนี้ นายกฯเศรษฐา ได้ฝากความระลึกถึงและปรารถนาดีไปยัง สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และ หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน และยินดีสำหรับการลงนามความตกลง ยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย–จีน โดยเชื่อมั่นจะช่วยผลักดัน เรื่องการค้าขาย และ ความสัมพันธ์ในระดับประชาชนร่วมกัน โดยปี 2568 ไทยและจีนจะครบรอบการฉลอง 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต...ขณะที่ รมต.หวัง อี้ กล่าวชื่นชม นายกฯเศรษฐา ที่ได้เลือกเยือนประเทศจีนเป็นประเทศแรกในเอเชีย แสดงให้เห็นว่า ไทย ให้ความสำคัญกับ จีน ที่ผูกพันฉันมิตรอย่างใกล้ชิด ดังคำกล่าวที่ว่า “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน”...นอกจากนี้ รมต.หวัง อี้ ยังได้เน้นย้ำว่า จีนเห็นถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของ โครงการแลนด์บริดจ์ ขณะที่ นายกฯเศรษฐา ก็ยืนยันว่ายินดีที่จะจัดโรดโชว์โครงการแลนด์บริดจ์ที่ประเทศจีน โดย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม จะเดินทางไปประเทศจีน เพื่อจัดโรดโชว์ในเร็วๆนี้ รวมทั้งยังยืนยันสนับสนุน โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ในการเชื่อมโยง ระบบขนส่งทางรางไทย-ลาว-จีน...และทั้ง 2 ฝ่ายยังเห็นพ้องในเรื่องการหาแนวทางรับมือ อาชญากรรมข้ามชาติ และ ภัยคุกคามรูปแบบใหม่ อย่างครอบคลุม ทั้ง ขบวนการหลอกลวงทางโทรศัพท์ การพนันออนไลน์ การค้ามนุษย์ และยาเสพติด...นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังได้ร่วมเป็นประธานสักขีพยานการลงนามเอกสารความร่วมมือ 2 ฉบับ ได้แก่ พิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านมาตรการสุขอนามัยพืช สำหรับการส่งออกต้นสนใบพาย จาก ประเทศไทย ไป ประเทศจีน และ ความตกลงเพื่อแก้ไขพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกัน และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีก จากไทยไปจีน โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ร่วมลงนามกับ หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย
...
...
...
- อีกทั้ง นายกฯเศรษฐา ได้ฝากเรียนเชิญ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน มาเยือนไทย และขอให้ รมต.หวัง อี้ สนับสนุนเรื่องการส่ง แพนด้า มาประเทศไทยอีกครั้ง...งานนี้ต้องถือว่าการที่ นายกฯเศรษฐา ได้ทุ่มเทเดินสาย ไปปฏิบัติภารกิจบนเวทีโลก ในช่วง 4 เดือน หลังเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการพุ่งเป้าให้ความสำคัญกระชับความสัมพันธ์กับ ประเทศจีน ที่เป็น มหาอำนาจของโลก และ พี่เบิ้มของเอเชีย เป็นลำดับแรก ถือว่าเดินมาถูกทาง มาถึงวันนี้เริ่มได้เห็นการผลิดอกผลทั้ง การลงทุน ธุรกิจการค้า การส่งออก การท่องเที่ยว และ ความมั่นคงในภูมิภาค ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยในอนาคตทั้งสิ้น ต้องชื่นชมในความมุ่งมั่น
- ผ่างๆ...จากกรณีมีผู้ร้องขอให้ ศาลรัฐ ธรรมนูญ วินิจฉัยว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ พรรคก้าวไกล มีนโยบายหาเสียงโดยเสนอแก้ มาตรา 112 เป็นการกระทำที่เข้าข่าย ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือไม่ และขอให้ยุติการกระทำดังกล่าว...ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำวินิจฉัยโดยชี้ว่าผู้ถูกร้องมีการรณรงค์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการชุมนุม การยื่นต่อสภา และใช้เป็นนโยบายการหาเสียงจึงไม่ไกลเกินเหตุที่จะ ล้มล้างการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 49 วรรค 1 ศาลจึงวินิจฉัยว่า การแสดงสิทธิดังกล่าวเป็นการล้มล้างการปกครอง และสั่งให้ พิธา และ พรรคก้าวไกล เลิกการพูด การเขียน การพิมพ์ และไม่ให้มีการ แก้ไขมาตรา 112 ในอนาคตอีกด้วย...นั่นก็หมายความว่า พิธา และ พรรคก้าวไกล จะต้องหยุดเคลื่อนไหวเรื่องแก้ไขมาตรา 112 ทันที ไม่เช่นนั้นก็ต้องเสี่ยงกับการ ถูกยุบพรรค และ ตัดสิทธิเลือกตั้ง ที่จะตามแน่ จบข่าว
- สังคมทั่วไป...“75 ปี รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์” ปีนี้คึกคักสุดๆ เมื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ในฐานะนายกสมาคมรัฐศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มอบหมาย ศุภมิตร ชิณศรี ผวจ.สมุทรปราการ เป็นประธานจัดงาน “สิงห์แดงคืนถ้ำ 2566” ที่สนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 3 ก.พ. ตั้งแต่ 17.00 น. เป็นต้นไป
"ธนูเทพ"
คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม