เพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการกำลังใจฯสานต่อแนวพระดำริ พลอากาศเอก สมคิด สุขบาง กรมวังผู้ใหญ่ประจำพระองค์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และรองประธานคณะกรรม การกองทุนกำลังใจในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เดินทางไปติดตามการดำเนินงานโครงการกำลังใจฯ เพื่อสานต่อแนวพระดำริในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ กรมหลวงราช สาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ที่ทรงต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังในเรือนจำเป้าหมายทั่วประเทศไม่หวนกลับมาทำความผิดซ้ำหลังจากที่พ้นโทษไปแล้ว ณ เรือนจำกลางระยอง อ.เมือง จ.ระยอง และเรือนจำจังหวัดจันทบุรี อ.เมือง จ.จันทบุรี เมื่อเร็วๆนี้

พลอากาศเอก สมคิด สุขบาง กรมวังผู้ใหญ่ประจำพระองค์ 908 และรองประธานคณะกรรมการกองทุนกำลังใจในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงมีแนวพระดำริเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศในหลายด้าน โดยเฉพาะการฝึกอบรมวิชาชีพให้แก่ผู้ต้องขังให้มีความรู้ติดตัวออกไปประกอบอาชีพเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวหลังจากพ้นโทษ เพื่อไม่ให้กลับมาทำผิดซ้ำหลังพ้นโทษ และในต้นปี 2565 ทรงได้เสด็จเปิดเรือนจำ จ.น่าน ได้พระราชทานแนวทางในการสนับสนุนให้ผู้ต้องขังที่พ้นโทษแล้ว ให้ทำงานในสถานประกอบการ เพื่อสร้างความมั่นคงทางรายได้ ดังนั้นคณะกรรมการกองทุนกำลังใจฯ จึงสานต่อแนวพระดำริ เพื่อให้โครงการดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยเดินหน้าทำความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนรวมถึงผู้ประกอบการต่างๆที่เกี่ยวข้องร่วมกันปฏิบัติภารกิจโครงการกำลังใจฯ สร้างสรรค์งานใหม่ๆให้เกิดขึ้นแก่เรือนจำ ทัณฑสถาน และผู้ต้องขังทั่วประเทศ ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ได้เดินทางไปติดตามการดำเนินงานมาแล้วถึง 20 แห่ง

...

อย่างที่เรือนจำกลางจังหวัดระยองถือเป็นเรือนจำแห่งแรกๆที่เข้าร่วมโครงการกำลังใจในพระดำริฯ ซึ่งทุกวันนี้อัตราผู้พ้นโทษไปแล้ว และกลับมาทำผิดซ้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะได้บูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมาให้ความรู้ฝึกอาชีพให้แก่ผู้ต้องขัง รวมถึงการสร้างความยอมรับจากภายนอก จึงทำให้ปัจจุบันสามารถลดอัตราผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำมากถึงร้อยละ 70 ก็ว่าได้ เช่นเดียวกับที่เรือนจำจังหวัดจันทบุรี ที่แม้จะเพิ่งได้รับคัดเลือกจากกรมราชทัณฑ์ให้เป็นพื้นที่ขยายผลการดำเนินงานโครงการกำลังใจในพระดำริฯได้ไม่นาน แต่ก็สามารถบูรณาการกับทุกภาคส่วนในการพัฒนาพฤตินิสัยผู้กระทำผิด สนับสนุนการประกอบวิชาชีพของผู้ใกล้จะพ้นโทษให้พวกเขามีพลังกายและใจเข้มแข็งในการประกอบสัมมาชีพเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวด้วยความภาคภูมิใจ จึงไม่หวนกลับมากระทำสิ่งผิดกฎหมายอีกก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปีเช่นกัน นับเป็นพระกรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงวางรากฐานอย่างมั่นคงจนถึงทุกวันนี้อย่างแท้จริง

...

สำหรับหนึ่งในบุคคลต้นแบบจากเรือนจำ จ.จันทบุรี ที่เพิ่งพ้นโทษออกจากเรือนจำ บอกว่า จากการที่เขามีโอกาสได้ฝึกอาชีพระหว่างที่เป็นผู้ต้องขังอยู่ในเรือนจำ เมื่อเขาพ้นโทษออกไปแล้วจึงไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ทุกวันนี้เขายึดอาชีพเป็นพ่อค้าขายขนมจีบซาลาเปาตามตลาดนัด แม้จำนวนเงินจะไม่มาก แต่ก็พอมีเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้อย่างภาคภูมิใจ.