หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ...ยอดจำหน่ายมากที่สุดของประเทศ...ฉบับประจำวันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2565....รายงานข่าวจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า เจน ซากิ โฆษกทำเนียบขาว พูดถึง การประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ-อาเซียน ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ค.นี้...เป็นการประชุมที่จัดขึ้นในโอกาสครบรอบ 45 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ ระหว่างสหรัฐฯกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน...กำหนดการวันที่ 12 พ.ค. ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ จะเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นทางการผู้นำประเทศอาเซียน ที่เข้าร่วมประชุม
...
การประชุมจะมีขึ้นในวันที่ 13 พ.ค. ...เพื่อ เป็นการยอมรับบทบาทของอาเซียน ในฐานะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ ...ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นที่ กรุงวอชิงตันและ เป็นครั้งแรกในการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ของ สมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา อย่างเป็นทางการ...โดยมีผู้นำตอบรับในการเข้าร่วมหารือจำนวน 8 ประเทศ ด้วยกัน...ยกเว้น ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ ที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านอำนาจและ ผู้นำประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นรัฐบาลทหารที่ไม่ได้รับเชิญ...หัวข้อการหารือคือการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และสถานการณ์ในทะเลจีนใต้
เพื่อคานอำนาจกับจีน...และถือเป็นการโน้มน้าวให้ อาเซียน แสดงออกถึงความชัดเจนในการสนับสนุนจุดยืนของสหรัฐฯและตะวันตก...ที่มีต่อรัสเซียและยูเครน...โดย โฆษกทำเนียบขาว ยังระบุว่า จะไม่มีการประชุมในระดับทวิภาคี แบบหนึ่งต่อหนึ่งกับผู้นำประเทศอาเซียน...การหยั่งเชิงของ สหรัฐฯ ต่อท่าทีของ ประเทศอาเซียน ถึงในบ้านในครั้งนี้ จะมีผลสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงสถานะ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในอนาคต...ที่ถูกกระชับพื้นที่ให้ต้องเลือกข้าง โดยปริยาย
ไหนๆก็ไหนๆ...บิล เบิร์นส์ ผอ. สำนักข่าวกรอง สหรัฐฯ หรือ ซีไอเอ เปิดเผยว่า วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ยืนยันว่า รัสเซีย จะไม่แพ้สงครามในยูเครนแน่นอน หลังจากผ่าน วันประกาศชัยชนะของรัสเซีย ในวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา...แม้ รัสเซีย จะยัง ยึดกรุงเคียฟของยูเครนไม่ได้ แต่ในกรอบความคิดของ ปูติน จะต้องเอาชนะสงครามครั้งนี้ให้ได้...กลายเป็น การเพิ่มเดิมพัน ของสงครามในครั้งนี้...ดังนั้น ในที่สุด การตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์ ของ ปูติน จึงเป็นเรื่องที่ อาจจะเหนือความคาดหมาย
เนื่องจากการข่าวพบว่า รัสเซียพร้อมที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ เพื่อให้ได้ชัยชนะในยูเครน...และ ประเทศที่กำลังศึกษาบทเรียนจากสงครามในยูเครนอย่างใกล้ชิด...ก็คือจีน...ที่ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ก็มีเป้าหมายที่จะควบรวม ไต้หวันมาเป็นจีนเดียว...นี่คือ โลกในอนาคต...ที่ไม่ใช่โลกของสาม ป. หรือโลกของสีใดสีหนึ่ง ไม่ใช่โลกของสลิ่มอีกต่อไป...แต่เป็นโลกล้อมประเทศ
...
...
เอ้า สงครามนำมาซึ่งความหายนะ ไม่เฉพาะที่ ยูเครน เท่านั้น โลกตะวันตก เริ่มอาการไม่ค่อยดี เริ่มมี ประเทศยุโรป หลายประเทศไม่เห็นด้วยกับการรับ ยูเครน เข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปและนาโต...เริ่มไม่เห็นด้วยกับ การบอยคอตรัสเซีย โดยเฉพาะ เกี่ยวกับด้านพลังงานเชื้อเพลิง...และปัญหานี้ยังได้กระทบถึง บ้านเรา โดยตรง น้ำมันแพง นำไปสู่ วิกฤติแพง ทั้งแผ่นดิน...ธุรกิจการขนส่งจะล้มต่อจากอุตสาหกรรมการบิน ที่เทกระจาดเพราะ การแพร่ระบาดของโควิด–19 มาแล้ว...สุจินดา เชิดชัย ผู้ประกอบการรถร่วมโดยสาร บขส. และเจ้าของบริษัทเชิดชัย...เข้ายื่นหนังสือถึง กรมการขนส่งทางบก...ขอปรับราคาค่าโดยสารอีกกิโลเมตรละ 1 สตางค์ หลังดีเซลขึ้นเป็นลิตรละ 32 บาท...พร้อมเปิดใจ เตรียมขายกิจการ ที่ดำเนินการมา 65 ปี...ต้องรับภาระขาดทุนจากน้ำมันแพงเดือนละ 4 ล้านบาท...เป็นแค่น้ำจิ้ม สำหรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ ที่จะเจอกับมรสุม อีกหลายระลอก...ปัญหาใหญ่คือ ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล มีฝีมือและวิสัยทัศน์ที่จะรับมือกับวิกฤติครั้งใหญ่แค่ไหน พับผ่า
ที่มีอาการน่าเป็นห่วง ระบบการศึกษา ของประเทศ ที่ ตรีนุช เทียน ทอง รมว.ศึกษาธิการ สั่งการเตรียมพร้อมในการ เปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ในวันที่ 17 พ.ค.นี้...ที่จะใช้วิธี เรียนร่วมกับโควิด...เจอติด ไม่ปิดโรงเรียน ...จับมือ กระทรวงสาธารณสุข เร่งฉีดวัคซีนในเด็ก โดยเฉพาะอายุระหว่าง 5-11 ปี...เมื่อดูจากจำนวนโรงเรียนทั้งประเทศที่ สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาฯอธิบาย... โรงเรียนทั่วประเทศทั้งภาครัฐและเอกชนมีกว่า 35,000 แห่ง...กำหนดให้มีการจัดการเรียนการสอน เว้นระยะห่าง 1 เมตร ห้องขนาด 8 คูณ 8 เมตร จะมีนักเรียนได้ 42 คน กำหนดเวลาการปิดเปิดเครื่องปรับอากาศ การสวมหน้ากาก แยกพื้นที่ งดการพูดคุย ....เป็นมาตรการที่พูดง่ายแต่ทำยาก
...
กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ยังคาราคาซังว่าด้วยเรื่อง การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ระหว่างหารด้วย 100 หรือ 500...ที่ นิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการฯฟันธงว่า ถ้าหารด้วย 500 มีความเสี่ยงที่จะขัดกับรัฐธรรมนูญ ต้องหารด้วย 100 เท่านั้น จบข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์ โครงการลมหายใจเพื่อน้อง ที่ อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. จับมือกับ ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาในการแสดงเจตนารมณ์ของ โครงการลมหายใจเพื่อน้อง คืนโอกาสให้เด็กและเยาวชนในช่วงรอยต่อ ที่มีความเสี่ยงที่จะหลุดจากระบบการศึกษาในปี 2565 ให้สามารถกลับเข้าสู่การศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง มีเป้าหมายในเบื้องต้นจำนวน 6,000 คนทั่วประเทศ โอกาสนี้เชิญชวนประชาชนทุกภาคส่วนเข้าร่วมสร้างโอกาสในกิจกรรม PTT Virtual Run แปลงการวิ่งหรือเดิน เป็นทุนการศึกษา โดยจะเริ่มรับสมัครตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.นี้ ทาง www.ลมหายใจเพื่อน้อง.com ทุก 1 กิโลเมตร มีมูลค่า 250 บาท 10 กิโลเมตรจะมีมูลค่าเป็นทุนการศึกษา 2,500 บาท ที่จะพาน้องกลับโรงเรียนได้ 1 คน สอบถามรายละเอียดได้ที่ 08-6567 -3397
“อินทรีเหล็ก”