รัศมีแข แฮปปี้แฟนหนุ่มสวีเดนขอแต่งงาน หลังคบกันได้ 10 ปี บอกแฟนขอแต่งงานก่อนที่จะมาทำงานที่เมืองไทย ตอนนี้รอแค่กลับสวีเดนไปจดทะเบียนสมรส แม้จะอยู่ห่างไกลกันแต่ก็แฮปปี้ ถ้ามีเวลาว่างก็จะบินไปหากันบ่อยๆ...
มาร่วมงานบวงสรวงโปรเจกต์ละคร The Writers เรื่อง ‘ละครคน’ และ ‘หลงไฟ’ ณ บริเวณลานหน้าตึก GMM Grammy Place อโศก พอได้เจอนักแสดงลูกครึ่งไทย-อเมริกัน รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น หรือ เจมส์ ฟอเกอร์ลุนด์ เลยถามถึงแพลนแต่งงานกับ โจนาส แฟนหนุ่มชาวสวีเดนที่อายุห่างกันถึง 13 ปี หลังจากอีกฝ่ายได้ขอเจ้าตัวแต่งงาน งานนี้เจ้าตัวจะว่ายังไงต้องไปฟัง
มีข่าวว่าแฟนหนุ่มขอแต่งงานแล้ว?
"ค่ะ จริงๆ เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่แขจะมาเมืองไทยด้วยซ้ำ เราได้มีการพูดคุยแล้ว แต่บังเอิญแขได้มาทำงานที่ไทยก่อนเลยไม่ได้มีอะไรต่อ ตอนนี้ก็รอแค่แขกลับไปสวีเดนเท่านั้นเอง
เรื่องงานแต่งมันต้องใช้เงิน แขเลยขอคิดไว้ก่อนแล้วยังไม่ได้แพลนว่าเป็นยังไง เพราะก็มีครอบครัวอยู่ที่นู่นด้วย มีเพื่อนอยู่ที่นี่ด้วยถ้าแต่งที่นี่คนที่นู่นก็มาไม่ครบ แต่งที่นู่นคนที่นี่ก็ไปไม่ครบ เลยไม่รู้ว่าจะเอายังไง เราเลยคุยกันเรื่องจดทะเบียนสมรสก่อน เพราะที่สวีเดนจดได้ค่ะ"
...
เห็นบอกว่า 3 ปีที่แล้วเขาก็เคยขอเราแต่งงาน?
"ใช่ ขอที่นู่น แขกับเขาคบกันมา 10 ปีแล้ว ช่วงปีที่ 5-6 แขจะชอบคิดว่าเราเป็นเจ้าหญิง อยากแต่งงาน อยากมีความทรงจำดีๆ อยากให้เขาคุกเข่าขอ แต่แฟนเราไม่ได้เป็นคนแบบนั้น เราเลยรู้สึกว่าเราอาจจะยังไม่ใช่
แต่พอหลังจากนั้นเขาก็ส่งรูปแหวนมาให้ในมือถือ เราเลยตอบไปว่า โอเค ก็ได้ (ยิ้ม) ไม่ลังเลเลย ตอนนี้ก็ยังมั่นใจอยู่ว่าได้หมั้นแล้วเว้ย แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เห็นแหวนจริงเลยค่ะ จริงๆ เมื่อสองปีที่แล้วไปเลือกแหวนกัน แต่ตัดแหวนไม่ทันเพราะเขาต้องบินกลับ เราก็เลยบอกงั้นเอาไว้ก่อน"
ตอนนี้ยังอยากมีโมเมนต์ที่แฟนมาคุกเข่าขอแต่งงานอยู่ไหม?
"ไม่อยากได้แล้ว ตอนนี้มันไม่ต้องการอะไรแล้ว และตอนนี้เขาก็อยู่เมืองไทย เขามาอาทิตย์นึง เราอยากอยู่กับเขามากกว่า มัน 10 ปีแล้วอ่ะ ไม่ต้องการโมเมนต์อะไรแบบนั้นแล้ว"
ระยะทางที่ห่างกัน มีผลต่อสถานะความสัมพันธ์ไหม?
"10 ปีแล้ว มันอยู่กันด้วยความเข้าใจแล้ว ถ้าเลิกกันเราอาจจะเลิกตั้งแต่ตอนที่ตัดสินใจจะบินกลับมาแล้วก็ได้ แต่เขาเชื่อมั่นในตัวเราว่าเรามาตรงนี้เราจะทำได้ และเราก็ทำให้เขาเห็นจริงๆ เขาก็ภูมิใจ
อีกอย่างงานที่แขทำทุกวันนี้ไม่ได้แย่เลย และไม่ใช่ว่าใครจะมาทำตรงนี้ได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นเขาซัพพอร์ตเราเต็มที่ แฟนน่ารักมาก ตอนมาอยู่เมืองไทยใหม่ๆ จนถึงทุกวันนี้แฟนไม่เคยถามว่าทำงานหนักไหม แต่แฟนจะถามว่าเงินพอใช้ไหม เขาเป็นห่วงจริงๆ"
ในระหว่างที่เราทำงานที่เมืองไทย เขามีโอกาสได้บินมาดูแลเราบ้างไหม?
"เคยมาเที่ยวกับเพื่อน เวลาเขาจะมาแขจะให้เขาพาเพื่อนมาด้วย เพราะถ้าแขทำงานเขาจะต้องอยู่คนเดียว ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ได้ดูแลเขาเต็มที่ เราอยากให้เขามีความสุข
อย่างปีที่แล้วที่แขทำงานหนักมาก เป็นปีแรกที่แขได้ลิ้มรสในการทำงานว่ามีคิวเยอะๆ มันเป็นยังไง แขเลยบอกเขาว่าในหนึ่งปีนี้ถ้าเขาอยากไปเที่ยวไหนให้ไปเลย เขาก็ไปนิวยอร์ก ไปสเปน ไปแอฟริกากับเพื่อนเขา เราเห็นเราก็แฮปปี้ที่เขามีความสุข ส่วนตัวเราก็ลุยทำงานต่อไป เพราะตรงนี้ก็เป็นงานที่เรารัก"
มีแอบหวั่นบ้างไหม เวลาเขาไปเที่ยวเอง และจะเผลอนอกใจเรา?
"ไม่คิดดีกว่า เพราะถ้าเราคิดมันจะเสียสุขภาพจิต และมันจะกลับมาทำร้ายตัวเราเอง เราอยู่ตัวคนเดียวถ้ามัวแต่มานั่งหึงแฟนในห้องก็เป็นบ้าเป็นบอ มันไม่ใช่แค่ตัวแขที่พัง การงานมันพังหมด 10 ปีแล้ว ไม่คิดอะไรแล้ว เราต่างสัมผัสความรักของกันและกันได้ เราแฮปปี้แล้ว"
พอเราได้มาอยู่ในวงการ เคยแอบมีวอกแวกไปบ้างไหม?
"ไม่นะ แขเชื่อว่าเขาก็ไม่กลัว เพราะลึกๆ แล้วเขารู้ว่าเราเป็นคนแรด (หัวเราะ) เป็นคนชอบเล่นใหญ่ กรี๊ดผู้ชาย แต่จริงๆ แล้วยังไงเราก็รักเดียว ถ้าเป็นแบบนั้นแขไม่พูดดีกว่าว่ามีแฟน แต่นี่เรารักเขามาก เพราะเรารัก เราก็จะให้เกียรติเขา ใครถามจะตอบเสมอว่าแขมีแฟนแล้ว"
แพลนไปจดทะเบียนสมรสเมื่อไหร่?
"แขขอผู้ใหญ่ไว้ช่วงเดือนกันยายนปีนี้ ประมาณ 10 วัน แต่แขต้องดูด้วยว่า 10 วันนี้กับการต้องไปเจอพ่อแม่ ผู้ใหญ่ของเขา มันจะทันหรือเปล่า อีกอย่างพ่อแม่แฟนก็อยู่ทางใต้ของสวีเดน ไหนจะพ่อแม่เรา ไหนจะหลานเราอีก ปีที่แล้วไปแขมีเวลาแค่ 10 วัน แขเป็นไข้เลย น็อกไป 3 วัน เพราะไม่ไหวจริงๆ"
...
จะเปลี่ยนนามสกุลไหม?
"ตอนนี้แขยังคิดอยู่เลย แขยังรักในนามสกุล ฟ้าเกื้อล้น นี้อยู่ ถ้าให้เลือกก็ไม่เปลี่ยนดีกว่า"
พอจดทะเบียนสมรสเสร็จต้องมีพิธีการอะไรต่อไหม?
"จริงๆ ไม่ต้องมีพิธีอะไรเลยก็ได้ เราไปที่อำเภออาจจะแค่จองวันเวลาไว้ ไปถึงแล้วก็จด อาจจะไม่ต้องใช้บาทหลวงอะไร ขอให้เรียบๆ ง่ายๆ"
ที่ประเทศสวีเดนกฎหมายรับรองให้เพศที่สามจดทะเบียนสมรสได้แล้วใช่ไหม?
"กฎหมายที่นู่นให้สิทธิ์ค่ะ"
หลังจากจดทะเบียนสมรส เราวางแผนไว้ยังไงบ้าง?
"เรายังคิดถึงความเป็นแม่บ้านอยู่นะ เพราะตั้งแต่คบกันมา แฟนแขไม่เคยต้องซักผ้า ล้างจานเลย เป็นเราที่ทำหมด แต่พอมาทำงานตรงนี้โอเคเลย เป็นงานที่แขรัก ต้องดูว่าการงานต่อจากนี้มันจะต่อยอดไปได้อีกไหม ถ้ายังได้เราก็ขอทำไปเรื่อยๆ"
ถ้าเป็นแบบนั้น เขาต้องบินมาอยู่กับเราที่นี่ไหม?
"เขาก็มีหน้าที่ มีการงาน มีพ่อแม่ที่แก่ชรา เขาก็ต้องรับผิดชอบตรงนั้น คือเราต่างคนก็ต่างเข้าใจกัน แต่ถ้าหากเราอยู่แล้วไม่มีงาน เราก็ไม่รู้จะอยู่ทำไม กลับไปอยู่กับเขาดีกว่า
และเราก็ไม่รู้ว่าถ้าเขามาอยู่เมืองไทยเขาจะชินกับที่นี่มากแค่ไหน แขว่าเพราะฉะนั้นเราขอทำงานเก็บเงินไปเรื่อยๆ ถ้ามีงานมีเงินมันไม่ไกลเลยที่จะบินไปหาเขา มีเวลา 5 วันก็บินไปได้ ไม่แขบินไป เขาก็บินมา"
เราวางแผนบั้นปลายชีวิตไว้ยังไง?
"เขาเคยพูดไว้ว่าอยากแก่ไปกับเรา เพราะฉะนั้นเราให้เขาแน่นอนสิ่งนี้ เราอยากอยู่ดูแลเขา"
แล้วเรื่องลูก เคยคิดอยากจะมีบ้างหรือเปล่า?
"แรกๆ คิดว่าอยากมี แต่ตอนนี้ไม่อยากแล้ว พอเราได้ลิ้มรสการเลี้ยงหลานเรารู้สึกถึงความเป็นห่วง เราเลยคิดว่าในเมื่อเราเกิดมาเป็นเพศที่สาม เราเลือกเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว
อีกอย่างเราได้เจอแฟนแล้ว มีคนรอบข้าง ครอบครัว และมีหลานของเรา ส่วนที่เหลือขอให้แขกับแฟนมีความสุขที่สุดก็แล้วกัน"
...
อะไรทำให้รู้สึกว่ารักแท้ก็มีอยู่จริงสำหรับเพศที่สาม?
"แขว่าความอดทนนะ ในเมื่อเรามีความอดทน เราจะลดอีโก้ของเรา แรกๆ แขมีอีโก้ แขอยากให้เขาเป็นแบบนู่น แขอยากได้แบบนี้ แขอยากไปหมด แต่แขก็เลิกคิดตรงนั้น กลายเป็นคนให้ ดูแลเขา ใส่ใจเขา ทำทุกอย่างให้เขา
สุดท้ายต่างฝ่ายต่างก็มีความรักให้กัน รักซึ่งกันและกัน ลดอีโก้ มันไม่ได้นึกถึงแต่ตัวเอง มันยังนึกถึงเขา นึกถึงเรา จนทำให้คงมาถึง 10 ปี มันไม่มีความเห็นแก่ตัวให้กันเลย แขคิดว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีมากๆ ทุกวันนี้ยังขอบคุณเขาอยู่ ที่เขาเป็นคนให้โอกาสเราได้ทำในสิ่งที่เรารัก คอยซัพพอร์ตต่างๆ มันไม่ใช่จะมีได้ทุกคน".