กลายเป็นกระแสขึ้นมาอีกครั้งเมื่อ นายอัจฉริยะ ได้บอกว่าเตรียมจะเปิดโปงธุรกิจเครือข่ายที่มีเจ้าของเป็น ส.ส. และอ้างว่ามีหุ้นส่วนเป็นคนมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง และไม่ต่างจากดิไอคอน ซึ่งคาดว่าหากเปิดข้อมูลไปแล้วไม่มาชี้แจงก็จะพาผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีในวันที่ 4 พ.ย.นี้ 

ซึ่งก็มีชื่อของนักแสดงสาว แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ เป็นหนึ่งในรายชื่อของนักแสดง งานนี้เราเลยขอย้อนคำสัมภาษณ์แต้วสมัยนั่งตำแหน่งบอส ทำธุรกิจร่วมกับ ต้นหอม ศกุนตลา และ มะตูม เตชินท์ ที่เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2562 เอาไว้ว่า 

- ดราม่าเรื่องธุรกิจอาหารเสริม กระทบมาถึงตัวแต้วบ้าง หลายกระแสถามว่าทำไมยังทำอยู่ ซึ่งตนคิดว่ามันเป็นความรับผิดชอบที่ยังต้องทำ แล้วก็ไม่ได้คิดจะเลิกเพราะว่าไม่ได้มีปัญหา

- ที่หลายคนห่วงแต้วในการทำธุรกิจ จริงๆ ไม่ได้เพิ่งมาเป็นห่วงตอนนี้ พอมันมีการเปลี่ยนแปลงหรือการตัดสินใจที่ตนเข้ามาทำธุรกิจตรงนี้ ก็มีคนพูดถึงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

...

- การทำธุรกิจนี้จะลดทอนความเชื่อมั่นในตัวเองมากขนาดไหน เจ้าตัวบอกว่าไม่ได้รู้สึกว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของความเชื่อมั่น เพราะหน้าที่ตรงนั้นมันไม่ใช่หน้าที่ในฐานะนักแสดง แต่เป็นเหมือนการที่ได้ลองเข้าไปทำธุรกิจใหม่ๆ

- สำหรับคนที่สงสัยบทบาทของตนเป็นบอสหรือพรีเซนเตอร์ มันเป็นความหมายที่ก้ำกึ่งกัน คือในความเป็นบอสมันก็มีความเป็นพรีเซนเตอร์อยู่แล้ว ส่วนในเรื่องของบอส คำว่าบอสมันก็คือการที่เราเข้าไปดูในเรื่องของการโปรโมต ทำมาร์เก็ตติ้งให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งมันก็มีความคาบเกี่ยวกันในการเป็นพรีเซนเตอร์ด้วย

- ได้มีการเซ็นสัญญาระบุชัดเจนมีระบุอยู่ในสัญญาเรียบร้อยแล้ว คือสำหรับตนอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า Eighteen 18 และก็เป็นพรีเซนเตอร์ด้วย ทำหน้าที่บอสในส่วนของการพีอาร์

- ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาก็โอเค ไม่ได้ทำอะไรขาดตกบกพร่อง

- ส่วนเรื่องดราม่า ต้นหอม-มะตูม ไม่ได้มาคุยกับตน เพราะมันเป็นสินค้าอีกตัวหนึ่งที่อยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของตน แต่ได้ให้กำลังใจทั้งคู่ ให้เขาสู้ๆ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป

- ยอมรับว่าเพราะเป็นผลิตภัณฑ์ในเครือเดียวกัน ส่งผลต่อผลิตภัณฑ์ที่ตนเป็นพรีเซนเตอร์ด้วย มันมีตั้งแต่ก่อนที่จะมีเรื่องนี้แล้ว ในเรื่องของกระแสที่เกี่ยวกับอาหารเสริมก่อนหน้านี้ เลยไม่ชัดเจนว่ามันเป็นจากตรงไหนแต่แรก

- ตนเหลือสัญญาในการเป็นพรีเซนเตอร์และบอส 2 ปี ตอนนี้ก็อยู่ในส่วนของปีที่ 2

- มั่นใจว่าสัญญาของตนจะไม่มีปัญหาในอนาคต เพราะโดยส่วนตัวเคลียร์กับทางบริษัทชัดเจนในส่วนของสัญญา ส่วนเรื่องผลประโยชน์ก็มีระบุชัดเจนในสัญญา

- สำหรับ Eighteen 18 สถานการณ์ยอดขายที่เกิดขึ้นกับตัวแทน ในตอนนี้ยังไม่ได้ดีขึ้นมาก ด้วยหลายๆ อย่างที่เหมือนกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อยู่ในช่วงคุมๆ เกมกันอยู่ และก็ดูสถานการณ์กันไป

- ไม่กังวลว่าการทำธุรกิจนี้จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของตน ก็ดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น ค่อยๆ แก้สถานการณ์กันไปแบบเฉพาะหน้า เพราะรู้ตัวดีว่าตนทำอะไรอยู่ ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี แต่มันเป็นการค้าขาย การสร้างอาชีพให้หลายๆ คน

- ถ้าหมดสัญญาแล้วเราจะยังไปต่อหรือไม่ อันนี้มันเป็นสิ่งที่ตนตัดสินไม่ได้ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความเป็นไปได้ของบริษัท รวมถึงความเป็นไปได้ของผลิตภัณฑ์ ซึ่งก็ต้องมาคุยกันอีกที แต่ ณ ตอนนี้ให้มันผ่านวิกฤติตรงนี้ไปให้ได้ก่อนดีกว่า

...