เป็นอีกหนึ่งสาวที่อยู่ในวงการบันเทิงมาอย่างยาวนาน สำหรับ ปู ไปรยา และตอนนี้เจ้าตัวไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไทยเป็นหลัก บินไปๆ มาๆ เพราะแต่งงานมีครอบครัวอยู่ที่อเมริกา ล่าสุดที่กลับมาไทย ปูได้เคลียร์คิวไปเล่าในรายการหาทำ ทางช่องจือปาก ของ เอแคลร์ จือปาก โดยเจ้าตัวเล่าเรื่องราวส่วนตัวให้ทุกคนได้ฟังว่า

ปูเป็นโรควิตกกังวลหนักมาก ล่าสุดไปสแกนสมองที่อเมริกา พบว่าสมองเหมือนร้อน คิดตลอดเวลา คนคิดแบบนี้ข้อดีคือเซนซิทีฟ อยากเรียนรู้ แต่ข้อเสียคือซึมเศร้าได้ มองโลกในแง่ร้าย ซึ่งมันจะเป็นสิ่งที่ปูควบคุมไม่ได้

อาการวิตกกังวลเป็นอะไรที่ควบคุมยากมาก บางทีเห็นปูคุยเก่งแบบนี้ แต่กังวลมาก เหงื่อแตกเต็มตัว วิตกถึงขั้นพอรู้ว่าต้องกลับมาทำงานเมืองไทย ก่อนบินมาเมืองไทย นอนร้องไห้เป็นวัน กลับไปจะเป็นยังไง เขาจะด่าเราไหม จะเกลียดเราไหม คิดเยอะมาก จนต้องหาหมอ

บางคนอาจเลือกทานยา แต่ปูไม่ทาน ปูเลือกออกกำลังกาย หากทานยาแล้วจะส่งผลต่อการทำงาน ซึ่งถ้าหากเห็นปูลงโซเชียลบ่อยๆ แสดงว่าตีกระแส แต่ถ้าหายไปเดือนครึ่ง คือปูกำลังอยู่ในช่วงวิตกกังวลอยู่

...

ก่อนจะเล่าต่อว่า หาหมอดูมากกว่าจิตแพทย์ เพราะเขาพูดในสิ่งที่เราอยากได้ยิน พร้อมเล่าว่าตนเองไปดูหมอดูที่ห้วยขวาง หมอดูก็บอกว่า งานปีนี้ก็ดัง เงินก็เยอะ เราก็โอเค (หัวเราะ) ไม่วิตกแล้ว ถ้าหมอดูทายบวกก็คือแม่น

และยังชอบไปดูดวงคนประจำวันอังคารประจำ TikTok ดูแล้วจะรู้สึกว่า อันนั้นก็เหมือน อันนี้ก็ใช่ บางทีเสียไปเป็นหมื่น ยังไม่ได้อะไรเลย

ซึ่งปูมีหลายเรตมาก 5 บาทก็มี 5 บาทก็เริดนะ แม่นเว่อร์ ถ้าเกิน 1 หมื่นไม่ดูแล้ว พักผ่อน (หัวเราะ) มีหมอดูคนนึงบอกว่าชาติที่แล้วเป็นเจ้าหญิง เราก็เหรอ แล้วทำไมชาตินี้ไม่ได้เป็นล่ะ

ปูเผยว่าการหาจิตแพทย์ต้องใช้เงิน มันก็เยอะ 4 ครั้งต่อเดือน โอ้โห เราก็คิดว่าเอาเงินไปซื้อกระเป๋าดีไหม แต่มันก็แก้ไม่ได้ คนมีปัญหาไม่รู้จะคุยกับใคร ก็นี่ไง คุยกับหมอดูค่ะ (หัวเราะ) ปูเปลี่ยนมา 6-7 คน ก่อนเจอคนปัจจุบันคุยมา 4 ปี ตั้งแต่เจอคนนี้เหมือนนิ่งขึ้น

การพูดกับจิตแพทย์คนอาจคิดว่าคือการระบาย แต่จริงๆ ไม่ใช่ เป็นการวิเคราะห์ชีวิตตัวเองว่าปัญหาที่เข้ามาเป็นเพราะเราด้วยหรือเปล่า หรือมองโลกในแง่ร้ายไหม