สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ (DITP Malaysia) ได้ร่วมจัดนิทรรศการในงาน Selangor Investment and Industrial Park Expo (SPARK 2024) ครั้งที่ 4 และนำผู้ประกอบการสินค้าแฟชั่นไทยร่วมงาน The ASEAN Business Conference (SABC 2024) ครั้งที่ 8 ซึ่งงานทั้งสองนี้จัดขึ้นภายใต้งานประชุมธุรกิจนานาชาติเซอลังงอร์ (Selangor International Business Summit: SIBS 2024) ระหว่างวันที่ 25-27 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมกัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur Convention Centre: KLCC)

โดยงาน SPARK 2024 เป็นงานแสดงนิทรรศการด้านการลงทุนและนิคมอุตสาหกรรมที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโอกาสการลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน ที่ดิน และบริการสนับสนุนธุรกิจในรัฐ Selangor มาเลเซียและทั่วอาเซียน อีกทั้งยังเป็นงานนิทรรศการด้านการลงทุนและนิคมอุตสาหกรรมแห่งเดียวในภูมิภาค มีการจัดแสดงนิทรรศการจากผู้พัฒนาและผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมรายใหญ่ เช่น PKNS, NCT, EcoWorld, Sime Darby, Central Spectrum และ Compass จากรัฐบาลของรัฐต่างๆ ในประเทศมาเลเซีย เช่น Pahang, Sabah, Kelantan, Melaka, Perak, Kedah, Sarawak, Terengganu และ Selangor จากนิคมอุตสาหกรรม เช่น MIDA, MRL, NCIA, ECERDC, RECODA, Plan Malaysia, North Port และ PKT Logistics รวมไปถึงนิทรรศการที่จัดแสดงโดยประเทศในอาเซียน เช่น ประเทศไทย ประเทศเวียดนาม ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศติมอร์เลสเต

...

การเข้าร่วมจัดแสดงนิทรรศการในครั้งนี้ DITP Malaysia เป็นตัวแทนจากประเทศไทยจัดแสดงนิทรรศการเพื่อนำเสนอการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเศรษฐกิจฝั่งตะวันออกและภาคใต้ 2 เขต ได้แก่ เขตพัฒนาเศรษฐกิจตะวันออก (EEC) และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) โดยแบ่งออกเป็นอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา และ Rubber City ตามลำดับ โดยนิทรรศการครั้งนี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับการลงทุนในประเทศไทยให้กับนักลงทุนต่างประเทศ ดึงดูดและส่งเสริมการลงทุนจากประเทศมาเลเซีย ให้มีการลงทุนในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมไทยให้เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ DITP Malaysia ได้เข้าร่วมนิทรรศการ SBAC 2024 โดยมี นายวรวรรณ วรรณวิล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ (DITP Malaysia) ได้รับเกียรติเป็น Keynote Speaker คนแรกเพื่อบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจและการลงทุน ในหัวข้อเรื่อง "Driving Thailand’s Sustainable Growth: Developing Emerging Economic Sectors" หลังจากพิธีเปิด โดย YBhg. Dato’ Hasan Azhari Bin Hj. Idris ซึ่งเป็น Chief Executive Officer ของ Invest Selangor Berhad



และได้นำผู้ประกอบการไทยร่วมจัดแสดงสินค้า ภายใต้นิทรรศการ Industri Kreatif ASEAN 2024 (IKA2024) โดยมีการร่วมมือกับแบรนด์ Thai Muse แบรนด์ที่รวบรวมสินค้าที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ ความแปลกใหม่ และผลิตโดยคนไทยมาจัดแสดงเพื่อนำเสนอศักยภาพของงานฝีมือผ่านสินค้าจากชุมชนในไทยที่ใช้วัตถุดิบที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลที่มุ่งเน้นการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) โดยใช้สินค้าแฟชั่นเป็นตัวแทนวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ของประเทศไทย สร้างความเชื่อมั่นและการยอมรับในตลาดต่างประเทศ

การเข้าร่วมงานในครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีในการสร้างเครือข่ายธุรกิจ และการทำความเข้าใจแนวโน้มตลาดในภูมิภาคอาเซียน โดยผู้ประกอบการไทยได้มีโอกาสนำเสนอสินค้าของตนเองในงานนิทรรศการ และเข้าร่วมการประชุมเชิงวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ โดยมีการจัดเวิร์คช็อปและการสัมมนาที่มุ่งเน้นการพัฒนาและการเพิ่มมูลค่าของสินค้าแฟชั่น รวมถึงการพบปะกับผู้ซื้อจากทั่วโลกเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ นอกจากนี้ งาน SABC ยังเป็นเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างผู้ประกอบการ นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ซึ่งช่วยเสริมสร้างศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดสากล การเข้าร่วมงานครั้งนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในการสนับสนุนและพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้สามารถเติบโตและขยายตลาดได้อย่างยั่งยืน และสอดคล้องกับนโยบายรัฐในการใช้ซอฟต์พาวเวอร์เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ

...

งาน SIBS 2024 ในปีนี้มีจำนวนผู้เข้าร่วมจัดแสดงนิทรรศการ 287 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.63 หากเปรียบเทียบกับงาน SISB 2023 และมีการคาดการณ์ว่ามีจำนวนผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 65,000 คน ซึ่งมากขึ้นกว่าเดิมร้อยละ 14 (57,000 คน) และคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 7 พันล้านริงกิต เพิ่มขึ้นจากปี 2023 ที่สามารถสร้างรายได้ 6.22 พันล้านริงกิต

นิทรรศการครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเวทีในการนำเสนอแนวคิดและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนที่ทันสมัยที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ประกอบการไทยจะได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนร่วมอุตสาหกรรม และค้นพบแนวทางใหม่ๆ ในการนำหลักการความยั่งยืนมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจของตนเอง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และบริการ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และสร้างความแตกต่างในการแข่งขันในตลาดสากลที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเป็นการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมประเทศไทยมากยิ่งขึ้น.