โดนจับตามองความสัมพันธ์มาตลอด สำหรับคู่ของ ตุลย์ ภากร และ มิว ศุภศิษฏ์ และในที่สุดทั้งคู่ก็ได้ออกงานอีเวนต์ด้วยกันเป็นครั้งแรก ในงาน Ultherapy Seenomenon ฉลองความสำเร็จนวัตกรรมเครื่องยกกระชับ ที่ บล็อกไอ สยามสแควร์ และทั้งคู่ก็ได้ให้สัมภาษณ์ด้วยกันเป็นครั้งแรก โดยเผยถึงความสัมพันธ์ในตอนนี้ บอกว่า ให้สถานะเป็นคนรู้ใจ และเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีต่อกัน นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้เจอกับครอบครัวของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และให้อิสระในการตัดสินใจ ส่วนสถานะในอนาคตจะเป็นยังไง ก็ต้องรอติดตาม

เป็นงานแรกที่ออกคู่กันด้วย?

มิว "ใช่ครับ ตื่นเต้นครับผม"

ตุลย์ "ก็ข่มความตื่นเต้นไว้ครับ แต่อุ่นใจอยู่แล้วครับ พี่มิวเขาพูดเก่ง เขาเอาอยู่"

ทำไมถึงตัดสินใจประเดิมงานแรกด้วยกัน?

มิว "ก็คิดว่าเป็นช่วงเวลาที่ดี หลังจากที่เราไปเที่ยวกันมา ไปพักผ่อนกันมาเมื่อช่วงวันสงกรานต์ ก็รู้สึกว่าหลังจากที่ผ่านมา ก็ได้ไปพบปะครอบครัวและรู้สึกว่าห่างหายจากการที่ไปอีเวนต์ และก็รู้สึกว่ากลับมาหลังสงกรานต์มีงานคู่กันแล้วกัน"

ตุลย์ "พี่มิวเขาทำงานในวงการบันเทิงเป็นหลัก เราก็จะมีบางทริปที่เราช่วยทำอะไรได้ เราก็ไปกับเขาด้วย เผลอๆ ได้ช่วยหยิบจับอะไร"

มิว "ก่อนหน้านี้ก็จะเป็นงานคู่ถ่ายแบบ ถ่ายแฟชั่นที่ไปคู่กัน"

งานคู่ติดต่อมาเยอะไหม?

มิว "เยอะ มีแฟนมีตติ้งด้วย แต่ว่ายังไม่ได้ตอบตกลงว่าจะอะไรยังไงดี เพราะว่าเหมือนทุกวันนี้จะทำธุรกิจ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวแม่เขาจะด่าผม"

ตุลย์พักงานในวงการ?

ตุลย์ "คือเรื่องบริหารงานมาทำงานในวงการ ตุลย์ยังทำได้ไม่ดีครับ ทีนี้เรายังมีภาระที่ต้องทำงานกับที่บ้านเยอะ ช่วงนี้ก็เป็นช่วงส่วนสำคัญในการทำโครงการ ก็เลยเลือกถ้าบริหารเวลาได้ก็จะรับงาน แต่ว่าก็เหมือนจะเฟดๆ ลง ซีรีส์ก็ยังไม่พร้อมจะรับเลย มีซีรีส์ติดต่อมาเยอะมาก แต่ในเมื่อเราไม่สามารถบริหารเวลาให้ไปถ่ายได้ ในขณะที่ต้องทำงานประจำไปด้วยครับ ตอนนี้ก็ทำงานกับที่บ้านเป็นหลักครับ"

...

แฟนๆ อยากเห็นงานคู่กันบ่อยๆ?

ตุลย์ "ก็เดี๋ยวดูตามความเหมาะสมครับ แต่ติดที่เรื่องการบริหารตัวเองนี่แหละว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ได้"

มิว "มีพี่เขาติดต่อมาให้เล่นซีรีส์คู่กันเยอะมากเลยครับ"

ตอนนี้เรียกว่ากำเนิดคู่จิ้นคู่ใหม่ มิว-ตุลย์ เลยไหม?

มิว "จะเรียกว่าคู่จิ้นหรือเปล่า"

หรือคู่จริง?

มิว "(หัวเราะ)"

ตุลย์ "คู่จิ้นมีแล้ว เป็นคู่อื่นบ้าง(หัวเราะ)"

เป็นอะไรดี?

ตุลย์ "เป็นอะไรก็ได้เพราะโตแล้ว ปล่อยจอย เป็นคู่ปล่อยจอย(ยิ้ม)"

จะได้เขียนถูก?

มิว "เป็นคู่ที่พัฒนาความสัมพันธ์"

ตุลย์ "เป็นพาร์ตเนอร์"

หรือจะเป็นคนรู้ใจ?

มิว "เป็นคนรู้ใจกำลังดีใช่มั้ย เป็นพาร์ตเนอร์ที่ดี"

จริงๆ เรารอระยะเวลาหรือรออะไร ที่จะให้คำจำกัดความ?

มิว "ก็คิดว่า เหมือน…"

ตุลย์ "ก็อย่างนั้นแหละ อะไรก็ได้ ไม่ต้องรู้หรอกว่าเราคบกันแบบไหน ก็เป็นพาร์ตเนอร์กันครับ(ยิ้ม)"

ตุลย์เคยเห็นสัมภาษณ์ของพี่มิวก่อนหน้านี้ไหม?

ตุลย์ "ก็ถ้าวันไหนไม่ได้เรียนหนักเกินไป ก็เห็นครับ"

แล้วเวลาที่เขาพูดถึงความรัก พูดถึงแฟนเรารู้สึกยังไง?

ตุลย์ "ก็ปล่อยจอยครับ พี่มิวเขาเป็นผู้ใหญ่ ถ้าเขาจะพูดอะไร เขาจัดการได้อยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่าเราเคารพการตัดสินใจของพี่เขา"

...

จะมีอารมณ์เขินไหม?

ตุลย์ "โทรคุยกันเขินกว่านี้อีก (หัวเราะ)"

แสดงว่าโดยปกติเวลาเราคุยกันจะหวานใช่ไหม?

ตุลย์ "ก็เป็นคนที่ใส่ใจความรู้สึก (หัวเราะ)"

มิวเขินไหม?

มิว "นิดนึง"

ก่อนหน้านี้เวลามิวสัมภาษณ์คนเดียว จะดูเขินนิดนึง?
มิว "เรียกว่าเก็บอาการ (หัวเราะ)"

การรับงานคู่กัน ครอบครัวว่ายังไงบ้าง?

ตุลย์ "คือครอบครัวก็ให้อิสระในการตัดสินใจอยู่แล้วครับ ก็ตั้งแต่เรื่องที่จะตัดสินใจไปเรียนหรือเปล่า เขาเชื่อว่าตุลย์เลือกได้หมด เขาเชื่อใจ อย่างเรื่องที่ไปเรียนมาและใช้ความรู้กลับมาในการทำงาน อันนี้คือสำคัญมากกว่า ผมรู้สึกว่าต้องจัดการกับสิ่งนี้ ที่จะเป็นการเจริญเติบโตของเราในอนาคตไปด้วย ฉะนั้นผมก็ให้ความสำคัญกับเป้าหมายระยะยาว แต่ว่าถ้าจะมาทำอะไรหลายๆ อย่างมันก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าเราได้รับโอกาส ในหลายๆ ทาง และเราก็ควรจะคว้าไว้ ที่บ้านก็ไม่ติดเหมือนกันครับ"

...

ที่บ้านค่อนข้างเคารพการตัดสินใจของเรา?

ตุลย์ "ใช่ครับ ซัพพอร์ตทุกเรื่องครับ"

อย่างเวลาที่พี่มิวไปเที่ยวกับที่บ้าน ไปทานข้าวกับที่บ้าน กับคุณพ่อคุณแม่ของเรา เขาว่ายังไงบ้าง?

ตุลย์ "เขาอยากรู้ระดับพี่มิว เขาทำงานอะไร ก็จะถามว่าเป็นห่วง พักผ่อนพอไหมลูก ประมาณนี้ครับ"

มิวรู้สึกเกร็งไหม เวลาไปเจอครอบครัวของตุลย์?

มิว "ก็รู้สึกว่าช่วงเวลาที่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน หรือว่าไปทานข้าวด้วยกัน ทำความรู้จักกับครอบครัวของตุลย์มาสักระยะหนึ่งแล้ว ก็รู้สึกว่าความเกร็งก็ลดน้อยลงครับ"

เกร็งไหมเวลาเจอพ่อแม่น้องเขาในครั้งแรก?

มิว "ถ้าครั้งแรกเกร็ง แต่ว่าพอไปเรื่อยๆ ต้องบอกว่าครอบครัวเขาน่ารักมากๆ เรารู้สึกว่าเราผ่อนคลายที่ได้อยู่ด้วยกัน ก็ปล่อยจอยมาก"

ตอนนี้เป็นเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน?

มิว "ต้องถามคนในครอบครัวเขาสิ (ยิ้ม)"

เหมือนคนในครอบครัวแล้วใช่ไหม?

...

ตุลย์ "ครับ ก็ไปมาหาสู่กันได้ตลอด"

ในความคลั่งรัก ใครคลั่งรักกว่ากัน?

ตุลย์ "เวลารักอะไรเราก็เต็มที่กับความรัก"

มิว "พอๆ กันแล้วกัน"

ปกติเราทะเลาะกันบ่อยไหม?

ตุลย์ "เอาความเห็นมาคุยกันและกัน"

มิว "คุยกันเฉยๆ นานๆ ทีเราจะทะเลาะกันที"

ใครชนะ?

มิว "ต้องบอกว่าเรื่องความสัมพันธ์เราจะไม่มีการแพ้ชนะ ต้องบอกว่าการที่เราเอาความเห็นมาคุยกัน เพื่อให้มันดีขึ้นหรือเปล่า ถ้าดีขึ้นเอามาคุยกันได้ แต่ถ้าไม่ดีขึ้นต้องเว้นห่างสักระยะแล้วค่อยกลับมาคุยกัน"

ส่วนใหญ่เป็นเรื่องอะไร?

มิว "เรื่องตลกๆ เขาเคยโกรธผมด้วย เรื่องที่ผมใส่แว่นกันแดดถ่ายรูป เขาหาว่าผมไม่ตั้งใจถ่ายรูป เขาไม่รู้เพราะเขาเห็นแว่นมันดำไง แต่ความจริงแว่นมันใส ปกติก็เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ"

ตุลย์ "เขาตั้งใจถ่ายไง"

มิว "จะไม่ตั้งใจได้ยังไงถ่ายทีถ่ายเป็น 100 รูปเลย"

หลังจากวันนี้ เขียนว่าแฟนได้ไหม?

มิว "เป็นคนที่รู้ใจกันก็ได้ เพราะว่าเราสองคนชอบดูดวง เลยรู้ว่าเราเป็นคนยังไง (หัวเราะ)"

รู้ใจรู้เรื่องอะไรบ้าง?

ตุลย์ "ก็หลายเรื่องเลยครับ ก็ต้องใส่ใจ"

ความสัมพันธ์ในครั้งนี้มันโอเคสำหรับเรายังไง?

มิว "ตอนนี้คือเฮลตี้มากๆ เหมือนพออยู่ด้วยกันแล้วได้กำลังใจ แล้วก็ได้พลังงานบวกตลอดเวลา ไม่ว่าต่างฝ่ายต่างมีภาระหน้าที่อะไร ต้องไปทำงาน ไปเจอปัญหานู่นนี่นั่น แต่พอได้มาอยู่ด้วยกันรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มันสามารถแก้ไขได้ และก็ทำให้สภาพจิตเราดีมากๆ"

เหมือนได้เจอคนรู้ใจไหม?

มิว "ไม่งั้นจะบอกว่าเป็นคนรู้ใจได้ยังไง (ยิ้ม)"

ก่อนหน้านี้ต่างคนต่างออกงานและต่างพูดความในใจ ประทับใจกันยังไง?

มิว "ปกติพูดกันอยู่แล้ว (หัวเราะ)"

ตุลย์ "อย่างผมก็เห็นพี่มิวเป็นตัวอย่างในหลายๆ เรื่องครับผม เวลาเจอคนที่แตกต่างกันมีมุมมองที่แตกต่างกันเราก็สามารถเรียนรู้กันและกัน แล้วก็เขาเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรได้แบบช้ามาก เราก็รู้สึกว่า มีหลายๆ เรื่องที่เข้ามาช่วยให้เราปรับปรุงตัวเองและพัฒนาตัวเองได้ และก็ทำให้ความสัมพันธ์ดีครับ"

มิว "ผมรู้สึกว่าเหมือนทั้งสองคน มีความเหมือนและความต่างที่ลงตัวครับ คือบางทีอย่างที่ตุลย์บอกว่าผมเป็นคนช้ามาก เขาเป็นคนที่ตัดสินใจเร็วไปหน่อย ก็ต้องมีคนที่คิดหลายๆ ทาง ช่วยคอยตัดสินใจว่า ทางไหนเป็นทางที่ถูกไหม และอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการตัดสินใจขึ้นมานิดนึง เพื่อให้ชีวิตเราดีมากขึ้นในการตัดสินใจ"

เรียกว่าตั้งแต่เรารู้จักกันมันสมบูรณ์แบบมากขึ้น?

มิว "ก็ค่อยๆ เรียนรู้เพิ่มมากขึ้นครับ ตั้งแต่รู้จักกันมา 12-13 ปีได้แล้วครับ สมัยนั้นยังเป็นน้องสถาปัตย์ ผมเป็นพี่วิศวะอยู่เลย"

ตุลย์ "ผมเรียก พี่มิววิศวะ (หัวเราะ)"

ถ้ากฎหมายสมรสเท่าเทียมมันผ่านแล้วเรารู้สึกยังไง?

มิว "ดีใจครับ ดีใจมาก ต่อไปทิศทางในเรื่องต่างๆ ของประเทศไทยจะไปในทิศทางที่ดีมากขึ้น และก็หวังว่าทุกคนจะแฮปปี้กับชีวิตมากขึ้นในทุกๆ ทางเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคมนาคมในตอนนี้ ก็คิดว่าเป็นทิศทางที่ดีมากขึ้น"

ตุลย์ "ก็ผ่านร่างเหลือร่างสุดท้ายใช่ไหมครับ อย่างที่หลายๆ คนรู้กันมา ว่าผมกับพี่มิวก็เป็นซัพพอร์ตด้านการสมรสเท่าเทียมมาตลอด อันนี้คือจุดที่ใกล้ความเป็นจริง ผมก็รู้สึกดีใจที่หลายๆ คนก็จะได้ใช้ผลประโยชน์ทางกฎหมาย ตามที่ตอบโจทย์ได้ว่า คนเราจริงๆ ก็เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเพศสภาพไหน ความรักแบบไหน สุดท้ายมันเป็นสิทธิพื้นฐานของคนที่เป็นพลเมือง"

มิว "ถ้าสมมติว่าร่างกฎหมายผ่านแบบ 100% เราจะมาบอกว่าความสัมพันธ์เป็นยังไง (ยิ้ม) ทุกคนจะได้เคลียร์และได้ช่วยกันรณรงค์เรื่องนี้เพิ่มมากขึ้น ช่วยกันเชียร์ให้ผ่านมากขึ้น เดี๋ยวถึงเวลาค่อยว่ากัน (หัวเราะ)"

เรารักกันเนอะ?

ตุลย์ "เราซัพพอร์ตกัน".

คลิกเพื่ออ่าน “ข่าวบันเทิง” เพิ่มเติม