“ความยั่งยืน” ไม่ได้อยู่แค่ในมิติของสิ่งแวดล้อม หรือการฟอกเขียว เพื่อสร้างภาพสู่สาธารณชนว่า เป็นองค์กรที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังต้องครอบคลุมถึงมิติอื่นๆ ของความยั่งยืนด้วย ทั้งเรื่องสังคม การกำกับกิจการที่ดี และการคำนึงถึงความยั่งยืนของตัวธุรกิจเอง

ในฐานะผู้นำด้านการสื่อสารมวลชนของประเทศไทย “ไทยรัฐกรุ๊ป” ไม่เพียงตระหนักถึงความรับผิดชอบในการส่งเสริมการรับรู้ และการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคม แต่ยังให้ความสำคัญกับเรื่อง “ความยั่งยืน” อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ได้ลุกขึ้นจัดทำ “Thairath Sustainability Report 2024” เป็นครั้งแรก เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของ “ไทยรัฐกรุ๊ป” และกลุ่มพันธมิตร ที่ตั้งใจผลักดันเรื่องความยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สู่การลงมือทำเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริง

ซึ่งแคมเปญ “Thairath Sustainability Report 2024” เป็นความพยายามในฐานะสื่อที่ไม่ได้จำกัดขอบเขตแค่การรายงานข่าว แต่รวมไปถึงการนำสังคมไปสู่องค์ความรู้และอนาคตที่ดีขึ้น ผ่านการทำความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนอย่างลึกซึ้ง

ล่าสุด คุณโปรดปราน หมื่นสุกแสง เจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด ไทยรัฐทีวี และไทยรัฐออนไลน์ ตัวแทนผู้บริหารจากไทยรัฐกรุ๊ป ส่งมอบหนังสือ "Thairath Sustainability Report 2024" ให้กับ รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น นักแสดงชื่อดัง ซึ่งเจ้าตัวก็ได้เปิดใจถึงการได้รับหนัง "Thairath Sustainability Report 2024" ในครั้งนี้ว่า

...

ความรู้สึกที่ได้มารับหนังสือ "Thairath Sustainability Report 2024" วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
ดีใจค่ะ แขว่าทางไทยรัฐเองน่าจะเห็นศักยภาพที่เห็นว่าตัวแขเองสามารถส่งต่อเรื่องนี้ได้ มันรวมในเรื่องของทุกอย่าง อย่าง LGBTQ หรือจะเป็นเรื่องเราที่อยู่สวีเดน อะไรต่างๆ นานา และการส่งต่อเรื่องทุกวันนี้อย่างที่บอก ถ้ามันเป็นการส่งต่ออะไรที่ซีเรียส ก็อาจจะค่อนข้างเครียด อาจจะดูน่าเบื่ออะไรอย่างนี้ แต่ว่าหากใช้คนที่มีการเล่าเรื่องที่สนุกสนาน แต่ได้สาระ แขว่าน่าจะเป็นเพราะจุดนี้ด้วยเลยทำให้แขถูกเลือก

พอเราได้เปิดหนังสือ "Thairath Sustainability Report 2024" อ่านปุ๊บ พอได้เห็นเนื้อความในหนังสือ และคนที่อยู่ในหนังสือ เรามีความรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างเปิดโลกด้วยเหมือนกัน เราไม่คิดว่าเราจะได้เห็นคนที่มีธุรกิจใหญ่ๆ หรือว่าคนที่ทำงานในองค์กรใหญ่ๆ ที่เขาจะมีมุมมองยังไงเกี่ยวกับโลกของเราในยุคปัจจุบันแบบอย่างนี้ พอเราได้เห็นแล้วเราแบบ เฮ้ย ดีใจ เพราะมันเป็นเรื่องดีในการที่จะเล่าส่งต่อให้คนอย่างพวกเราได้รู้กัน มันดีตรงที่แขชอบที่ใส่ใจในเรื่องเกี่ยวกับเด็กๆ ส่งต่อให้เยาวชน

มันเป็นอีกหนึ่งความรู้ แขรู้สึกว่า พอแขอ่านจบ มันก็จะเป็นความรู้ที่ ถ้าวันหนึ่งเราได้เป็นบุคลากรที่ถูกเชิญไปพูดคุยเรื่องราวต่างๆ ในมหาวิทยาลัย อันนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งความรู้ที่เราสามารถไปแชร์ต่อได้ และอีกอย่างหนึ่งมันเป็นสิ่งที่จับต้องได้ พอเราไปเล่าแล้ว น้องๆ อยากศึกษาต่อ ก็สามารถเข้ามาอ่านในหนังสือเล่มนี้ เพื่อหาข้อมูลได้

อยากฝากอะไรถึงคนรุ่นใหม่?
แขว่ามันเป็นโลกในระหว่าง 2 เจเนอเรชัน ที่กำลังจะทิ้งโลกไว้ตรงนี้ ไว้ให้กับเจเนอเรชันรุ่นใหม่ที่จะต้องสานต่อ ซึ่งถ้าเราสังเกตดีๆ ประมาณยุค 80 ยุค 90 โลกเรามันจะเสถียรค่อนข้างเนาะ แล้วพอมาถึงยุค 2000 โลกเรามันไปเร็วในแบบที่ อย่างสมัยเรา กว่าจะมีมือถือ กว่าเราจะได้เล่นมือถือเครื่องแรก มันค่อนข้างใช้เวลาในเรื่องนี้

แต่พอมาถึงยุค 2000 ทุกอย่างมันก้าวกระโดด ไปเร็วมาก ทุกคนต้องเรียนรู้ว่าโลกมันเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก เพราะฉะนั้นแขว่ามันอยู่ที่ 2 เจเนอเรชันที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า เราที่อยู่ในเจเนอเรชันนี้ เรามีหน้าที่ดำเนินต่อไปอย่างไร ที่จะทิ้งสิ่งพวกนี้ไว้ให้คนเจเนอเรชันใหม่ แล้วคนในเจเนอเรชันใหม่ก็ต้องได้ความรู้จากเราที่ผ่านเจเนอเรชันก่อนๆ มา ว่ามันเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง แล้วเขาจะได้เตรียมตัวเพื่อจะได้มาเทคโอเวอร์ตรงนี้ต่อไป.

...