ก็ทั้งน่าเห็นใจผู้ผลิต ในสถานการณ์ที่ต้องเอาตัวรอดจากเรตติ้งโทรทัศน์ที่ไม่กระเตื้องขึ้นมากนัก!!

การนำสินค้ามาขายกลางรายการ จึงเป็นทางออกที่พอจะช่วยต้นทุนการผลิตลงได้บ้างไม่มากก็น้อย

สินค้าเหล่านั้นก็มีทั้งเครื่องสำอาง, อาหาร แม้กระทั่งผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ยังมีปรากฏให้เห็นในหลายช่อง

ล่าสุดผู้ชมหลายคนเริ่มรู้สึกว่าตนถูกเอาเปรียบ เหมือนกับถูกยัดเยียดให้ต้องรับรู้ในสินค้าพวกนั้นโดยไม่มีความต้องการและแย่งชิงเวลาของรายการไปจากคนดู!!

“เอาพอดี-พองาม” จะได้ไหม? นั่นคือคำถามจากผู้ชมกลุ่มหนึ่ง ไม่ให้มีความรู้สึกเหมือนถูก “ยัดเยียด” จนเกินไป??

เพราะการโฆษณาสินค้าในลักษณะนี้ มันไม่ใช่ “โฆษณาแฝง” เหมือนในอดีตที่มักนำผลิตภัณฑ์มาวางโชว์หราให้เห็นอย่างโจ๋มครึ่ม

หรือแม้กระทั่งให้ผู้ดำเนินรายการหยิบสินค้าขึ้นมาพูดสรรพคุณกันแบบไม่อายฟ้าดิน เพราะนั่นคือ “ราคา” และ “จำนวนเงิน” ที่ได้รับ

แต่ก็อย่าลืมว่า “นาทีทอง” ในยามเศรษฐกิจของประเทศรุ่งเรืองนั้น มันหมดยุคของโทรทัศน์ไปแล้ว จะมีโอกาสหวนกลับมาอีกหรือไม่ ก็ยังไม่มีใครให้คำตอบได้

หรือหากไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ด้วยแล้ว การขายสปอตโฆษณาก็ยิ่งยากเย็นแสนเข็ญเข้าไปใหญ่ จึงกลายมาเป็นธุรกิจขายโฆษณากลางรายการอย่างที่นิยมกันในปัจจุบัน

นี่คือ “จุดเปลี่ยน” ที่สถานีโทรทัศน์ยุคนี้ต้อง “เสี่ยง” เพื่อนำเม็ดเงินมาหล่อเลี้ยงรายการและบุคลากรให้อยู่รอด

หากแต่สุ่มเสี่ยงที่ผู้ชมบางกลุ่มอาจจะ “รับไม่ได้” เพราะเหมือนถูกขโมยเวลาในรายการไปอย่างซึ่งหน้า และอาจถึงขั้นเปลี่ยนช่อง เลิกสนใจไปเลย

...

เห็นใจทั้งสองฝ่าย...ในยามเศรษฐกิจฝืดเคือง!!

‘‘แจ๋วริมจอ’’
jaewrimjor@gmail.com

คลิกอ่านคอลัมน์ “ทีวีบันเทิง” เพิ่มเติม