หัวใจแฮปปี้มีคนดูแลแต่นางเอกสาวเจ้าเสน่ห์ พรีม-รณิดา เตชสิทธิ์ ยังไม่เคยเปิดตัวหนุ่มนอกวงการที่คบหากันมานานแม้แต่วันวาเลนไทน์ก็ไม่เผยตัว เลยถามเรื่องหัวใจไม่ค่อยเปิดตัวแฟนรู้ว่ามีแต่ไม่เห็น?

“ไม่ปิดแต่ก็ไม่เปิด คงเป็นความสบายใจมั้ง มันไม่มีอะไรให้โฟกัสด้วย ถ้าเป็นคนในวงการก็ว่าไปอย่าง แต่พอเค้าไม่ใช่คนในวงการมันไม่มีอะไรให้โฟกัส ไม่มีอะไรให้ไปขุดด้วยซ้ำเลยยังดีกว่า และไอจีเราก็ไม่ค่อยได้ลงรูปชีวิตส่วนตัวมากขนาดนั้น เรายังอยากลงอะไรที่คนดูแล้วยังเป็นคุณค่าให้กับคนดู เช่น ลงเสื้อผ้าสวยๆ คนจะได้แต่งตัวตาม ออกกำลังกายจะได้ไปออกตาม แต่ถ้าเราลงชีวิตส่วนตัวมากๆ พรีมแค่มองว่าเค้าดูไปก็เหมือนไม่ได้คุณค่าอะไรจากตรงนี้หรือเปล่า เอาจริงๆเราเจอกันน้อยด้วย ต่างคนต่างทำงาน เจอกันอีกทีก็คือไม่ได้เป็นพิเศษอะไร แค่ได้เจอกันก็โอเคแล้ว หลังๆเค้าบินบ่อยด้วย เลยไม่ค่อยได้เจอ”

ไม่ค่อยเจอกันแล้วรักษาความสัมพันธ์ยังไง? “ก็จะหาวันมาเจอกัน จริงๆสมมติไปต่างประเทศเค้าจะอยู่ต่อดูเรื่องธุรกิจต่อก็ได้ แต่เค้าเลือกที่จะมีวันว่างวันเดียว บินกลับมาแล้วก็บินกลับไป แต่ไม่ไกลมากๆ”

กับคนนี้คุยกันมากี่ปีแล้ว? “รู้จักกันมานานมากๆแล้ว เป็นคนที่เห็นกันมาตลอด พรีมเป็นคนที่ต้องรู้จักคนคนนั้นก่อนถึงจะกล้าเปิดใจ ถ้าจะนับที่รู้จักเค้าก็ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย”

เริ่มคุยพัฒนาความสัมพันธ์ล่ะเมื่อไหร่? “ก็ช่วงใกล้ๆเรียนจบ ก็นานแล้ว”

นานแล้วก็ยังหวานอยู่ดี? “ก็คงได้เห็นหน้าเร็วๆนี้ค่ะ”

ต้องเป็นโอกาสพิเศษวันครบรอบหรือเปล่า? “ไม่ได้คิดเลย แต่ที่แน่ๆเราต้องแต่งตัวสวย เปิดทั้งทีเดี๋ยวทุกคนต้องเอารูปไปใช้ เราเลยต้องแต่งตัวสวยๆ (ยิ้ม)”

...

ครอบครัวมีถามมั้ย? “ไม่ค่อยนะ ฝั่งบ้านพรีมก็ค่อนข้างชิล คุณแม่ก็รู้อยู่แล้วว่าพรีมเอางานไว้ก่อน แม่ก็ไม่ได้่อะไร แม่ก็รู้จัก”

เค้าเข้าทางแม่ด้วยมั้ย? “ก็ประมาณนึงค่ะ ด้วยความที่เห็นกันมาตลอด เลยไม่ได้เข้ามาด้วยเจตนาอะไร”

ชอบสานสัมพันธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป? “พรีมเป็นคนไว้ใจยาก เราต้องค่อยๆเห็นเค้ามาจริงๆ เราไม่ใช่คนเห็นปุ๊บปิ๊งเลย คลั่งรักเลยแบบนั้น เหมือนต้องผ่านทุกด่าน สแกนหมดกว่าจะเข้ามา”

แต่พอเข้ามาคือมั่นคงมั่นใจแล้ว? “ก็ดูเป็นแบบนั้น”

แล้วเค้าคลั่งรักกว่าเรามั้ย? “พรีมมองว่าใช่ แต่จริงๆพอเราโตขึ้นแค่คลั่งรักอย่างเดียวไม่พอ มันต้องใช้ความพยายามจริงๆ เป็นความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่ สบายใจดี ไม่ได้เป็นเด็กๆมางอแง”

ทางบ้านเค้าถามบ้างมั้ย? “ไม่นะ ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนๆกัน ช่วงเทศกาลคนแต่งงานเยอะเพื่อนๆรุ่นเดียวกันก็เริ่มแต่งงานแล้ว มันคงถึงช่วงวัย เราก็บอกว่าไม่พร้อม เค้าเองก็ชิลตามพรีม และเราไม่ได้แพลนว่าจะมีลูกหรืออะไร เราก็เลยไม่กดดัน ไม่ได้รู้สึกรีบในแง่ของวัย เอาให้มั่นคงก่อน”

การเติบโตทางการแสดง ของเราตอนนี้? “ตอนนี้เตรียมมีละคร ปิ่นอนงค์ สนุกค่ะ แต่ก็กดดันเพราะของเก่าดีมาก พรีมถ่ายอีกเรื่องที่ท้าทายเหมือนกัน ชื่อ เหนือพรหมลิขิต เป็นเรื่องราวของ 3 สาวเป็นหลัก เดินเรื่องนำเล่าประสบการณ์ชีวิตของผู้หญิง 3 คนนี้ที่น่าสนใจมากๆ บทค่อนข้างเครียด กำลังถ่ายทำอยู่น่าจะปิดกล้องกลางปี ชีวิตก็ยังคงอยู่ในกอง โตมากับกอง แต่จริงๆพอโตขึ้นก็มีเวลาทำอย่างอื่น บริหารจัดการเวลาตัวเอง มีทำธุรกิจ และลุยด้านออกกำลังกาย เรารู้สึกว่าชีวิตเราต้องแบ่งไปทำอย่างอื่นด้วย อยากทำได้หลายอย่าง”

ตอนนี้มีเป้าหมายอะไรพิเศษ? “ก็รู้สึกอยากขยับขยายตัวเองในแง่การทำงานด้วย อยากทำหลายอย่าง มาถึงจุดที่รู้สึกว่าเราทำอย่างเดียวแล้วมันไม่สบายใจ เราผ่านช่วงวิกฤติโควิดมาแล้วทำให้รู้ว่าเรามีอาชีพเดียวไม่ได้แล้ว อยากเอาตัวเองกระจายไปทำอย่างอื่นด้วย ได้ความรู้ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ และหาช่องทางการทำงานเพิ่มขึ้น ตอนนี้ทำแบรนด์กระเป๋า มินิมอลเน้นคุณภาพนำเข้าจากสิงคโปร์ แต่ต้นกำเนิดทุกอย่างมาจากอิตาลี มีพาร์ตเนอร์ที่นี่มีขยับขยายที่นี่และอนาคตอาจจะมีโปรเจกต์เกี่ยวกับการออกกำลังกายอีก รู้สึกว่าเรามีความรู้ด้านนี้ก็อยากทำยังไงให้ถ่ายทอดไปให้คนอื่นได้”

แล้วการเติบโตด้านงานแสดงล่ะ หลายคนเติบโตก้าวออกไป สำหรับเราล่ะ? “ตอนนี้ยังมีสัญญากับช่องค่ะ มันเป็นเรื่องที่ยังไม่รู้ ต้องดูกันปีต่อไป เราไม่รู้เลยว่าปีหน้าจะเป็นยังไงแต่เราก็มีการคอยอัปเดตตัวเองนะคะ ไม่ใช่ว่าเราอยู่แต่ในกรอบตัวเอง คอยติดตามว่าตอนนี้วงการไปถึงไหน คนอื่นๆทำอะไรกันบ้าง อายุก็เยอะขึ้น เวลาออกไปข้างนอกเราเจอเด็กๆรุ่นใหม่ที่เด็กมากๆ เราก็จะเกิดความคิดหลายๆแบบ ตอนเด็กๆเราจะไม่คิดเยอะว่าอยู่ตรงไหนก็ได้ พอเราโตขึ้นการสะสมชั่วโมงบินมาประมาณนึง การเคลื่อนตัวหรือการทดลองทำอะไรใหม่ๆอะไรก็ได้มันก็ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว เราต้องคิดดีๆ แต่ที่แน่ๆตอนนี้ก็ยังอยู่กับช่องอยู่ค่ะ”

เหลือสัญญาเยอะมั้ย? “ไม่เยอะค่ะ สัญญาเดี๋ยวนี้มันไม่ได้ระยะยาวเหมือนแต่ก่อน”.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่